WORLD NEWS

โดย กองบรรณาธิการ M2F

08 ธันวาคม 2562 : 20:20 น.

โลกร้อนขึ้นมาทันทีเมื่อ คิมซอง เอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือประจำสหประชาชาติไม่เจรจาหยุดนิวเคลียร์ อ้างฝ่ายบริหารของทรัมป์ยังคงดำเนินนโยบายมองเกาหลีเป็นปรปักษ์อย่างต่อเนื่อง

เกาหลีเหนือประกาศว่า การเจรจายุติโครงการปฏิเสธนิวเคลียร์ถูกปัดออกจากประเด็นการเจรจาแล้ว และไม่จำเป็นต้องมีการเจรจาที่ยาวนานกับสหรัฐอีกต่อไป หลังจากสหรัฐไม่ยอมเสนอข้อแลกเปลี่ยนให้ทันกำหนดเส้นตายในสิ้นปีนี้ตามที่คิมจองอึนกำหนดไว้

คำแถลงนี้มีขึ้นโดย  โดยเขายังกล่าวว่าฝ่ายบริหารของทรัมป์ยังคงดำเนินนโยบายมองเกาหลีเป็นปรปักษ์อย่างต่อเนื่อง มีความพยายามที่จะขัดขวางเกาหลีเหนือ เขากล่าวด้วยว่ารัฐบาลสหรัฐโมเมเรื่องเกาหลีเหนือยอมเข้าร่วมเจรจาที่เป็นรูปธรรมและยั่งยืน เพราะมีวาระทางการเมืองภายในประเทศตัวเอง

"เราไม่จำเป็นต้องเสียเวลาพูดคุยกับสหรัฐนานๆ อีก และการปลดนิวเคลียร์ก็พ้นไปจากโต๊ะเจรจาแล้ว'' เขากล่าว

คำแถลงของคอมซอง เป็นการตอบสนองต่อคำประณามโดยหกประเทศในยุโรปต่อการที่เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธนำวิถี 13 ลูกตั้งแต่เดือนพฤษภาคม เขากล่าวหาว่าชาวยุโรป ไม่ว่าจะเป็นฝรั่งเศส, เยอรมนี, อังกฤษ, เบลเยี่ยม, โปแลนด์และเอสโตเนีย ต่างก็เล่นบทบาทเป็นสุนัขในบังคับของสหรัฐในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และท่าทีของยุโรปเป็นการท้าทายอย่างร้ายแรง ต่อความชอบธรรมในการเสริมสร้างแสนยานุภาพในการป้องกันประเทศของเกาหลีเหนือ

"เราถือว่าพฤติกรรมของพวกนั้นเป็นเพียงการกระทำที่น่าสมเพช ที่มีเจตนาจะเลียแข้งเลียขาสหรัฐ" คอมซองกล่าว

ความคิดเห็นของคอมซองเป็นไปตามแถลงการณ์ก่อหน้นานี้ของเกาหลีเหนือที่ระบุว่าการเริ่มต้นการทูตนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือมีแนวโน้มที่จะมืดมน

เมื่อวันพฤหัสบดี ชเว ซน ฮุย รัฐมนตรีช่วยว่าการคนแรกของกระทรวงการต่างประเทศของเกาหลีเหนือออกคำเตือนว่าเกาหลีเหนือจะกลับมาประณามประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอีกครั้ง และในสายตาของเกาหลีเหนือเขาเป็น "คนแก่ไร้น้ำยา" (dotard) ถ้าเขาใช้ภาษายั่วโมโหต่อเกาหลีเหนือ เช่น ที่เขาเคยอ้างถึงผู้นำเกาหลีเหนือว่าเป็น "มนุษย์จรวด'' (rocket man)

การตอบโต้ของเกาหลีเหนือเกิดขึ้น เพราะทรัมป์พูดผ่านสื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่จะใช้ปฏิบัติการทางทหารกับเกาหลีเหนือ และหันมาเรียกคิมจองอึนว่า "จรวดมนุษย์'' อีกครั้ง หลังจากหยุดไปนานถึง 2 ปีเมื่อเขาร่วมเจรจาอย่างชื่นมื่นกับคอมจองอึน ซึ่งในขณะนี้ล้มเหลวเกือบจะสิ้นเชิงแล้ว

เกาหลีเหนือได้เพิ่มการทดสอบขีปนาวุธในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาและผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าการเริ่มข่มขู่เช่นนี้มีแนวโน้มที่จะดำเนินต่อไปเพื่อกดดันรัฐบาลสหรัฐให้ตอบสนองความต้องการของเกาหลีเหนือ เพื่อฟื้นฟูการทูตนิวเคลียร์ภายในสิ้นเดือนธันวาคม

ความพยายามทางการทูตส่วนใหญ่ยังคงชะงักงันตั้งแต่การประชุมสุดยอดครั้งที่ 2 ระหว่างทรัมป์และผู้นำเกาหลีเหนือที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งล้มเหลวไม่เป้นท่า

เมื่อทรัมป์และคิมจัดการประชุมสุดยอดครั้งแรกที่สิงคโปร์ในเดือนมิถุนายน 2561 เกาหลีเหนือกล่าวว่ายินดีที่จะจัดการกับคลังอาวุธนิวเคลียร์ เพื่อแลกกับผลประโยชน์ทางการเมืองและเศรษฐกิจภายนอกและแม้แต่ก่อนการประชุมที่สิงคโปร์ เกาหลีเหนือพูดมานานแล้วว่าจะลดอาวุธนิวเคลียร์ต่อเมื่อสหรัฐถอนทหาร 28,500 นายจากเกาหลีใต้ ยุติการฝึกซ้อมทางทหารกับเกาหลีใต้ และดำเนินการอื่นๆ เพื่อรับประกันความมั่นคงของเกาหลีเหนือ

แต่ผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศหลายคนสงสัยว่า เกาหลีเหนือไม่มีทางยกเลิกโครงการนิวเคลียร์ที่ฟันฝ่าพัฒนามานานหลายทศวรรษ และเห็นว่าเป็นความจำเป็นต่อการอยู่รอดของประเทศ

ข่าวเด่น

ข่าวที่น่าสนใจ