โดยทีมข่าวต่างประเทศ
หลังจากที่ชาวประมงในเมืองไทจิ จ.วะกะยะมะของญี่ปุ่นกลับมาล่าวาฬเพื่อการค้าเป็นครั้งแรกในรอบ 31 ปีเมื่อ 2 เดือนก่อน จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วโลก ล่าสุดเมืองแห่งนี้เป็นที่พูดถึงอีกครั้งจากการล่าโลมาอย่างโหดเหี้ยม ท่ามกลางการคัดค้านจากนักอนุรักษ์
ฤดูล่าโลมาของเมืองไทจิเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาและจะล่ากันต่อเนื่องยาวนานถึง 6 เดือน คือไปสิ้นสุดในเดือน มี.ค. โดยสื่อของญี่ปุ่นรายงานว่าเรือประมง 12 ลำ จากเรือที่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลทั้งหมด 26 ลำ ออกจากท่าเรือไปตั้งแต่เช้าตรู่ก่อนจะกลับมามือเปล่า ทว่า Dolphin Project องค์กรไม่แสวงกำไรที่คุ้มครองและปกป้องสวัสดิภาพของโลมาทั่วโลก เผยว่าเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาชาวประมงล่าโลมาริสโซไปแล้ว 5 ตัว
แต่ไหนแต่ไรมา นักอนุรักษ์และประชาคมโลกได้วิพากษ์วิจารณ์วิธีการล่าโลมาของชาวเมืองไทจิว่าเป็นการกระทำที่ไร้มนุษย์ธรรม เนื่องจากโลมารวมถึงวาฬขนาดเล็กจะถูกต้อนให้ว่ายน้ำเข้าไปในอ่าวเล็กๆ ที่น้ำตื้นซึ่งมีอวนล้อมไว้แล้วใช้ฉมวกแทงซ้ำๆ จนเป็นแผลเหวอะหวะ จนน้ำทะเลบริเวณนั้นกลายเป็นสีเลือดแดงฉาน จากนั้นปล่อยให้โลมาค่อยๆ ตายในที่สุด ซึ่งนักอนุรักษ์เผยว่าโลมาต้องทรมานจากการขาดอากาศหายใจหรือจมน้ำตาย รวมทั้งบาดแผลฉกรรจ์ถึง 30 นาที
ส่วนโลมาที่มีลักษณะสวยงามจะถูกคัดแยกออกมาเพื่อนำไปขายให้กับสวนน้ำ
วิธีล่าดังกล่าวเริ่มได้รับเสียงประณามจากชาวโลกหลังจากภาพยนตร์สารคดีรางวัลออสการ์เรื่อง The Cove ตีแผ่การล่าโลมาของเมืองไทจิเมื่อปี 2009 ภาพยนตร์เรื่องนี้เผยให้เห็นวินาทีที่โลมาถูกฉมวงแทงก่อนจะถูกลากขึ้นเรือแล้วปล่อยให้ตายอย่างช้าๆ และทรมาน
อย่างไรก็ดี Dolphin Project เผยว่าหลักจากภาพยนตร์เรื่องนี้ฉายไปทั่วโลก ชาวประมงเมืองไทจิได้เปลี่ยนวิธีฆ่าโลมาที่รุนแรงน้อยลง ทว่าก็ยังโหดร้ายอยู่ในสายตาชาวโลกและนักอนุรักษ์ นั่นคือ ใช้เหล็กแหลมแทงซ้ำๆ ใกล้ช่องหายใจของโลมา เพื่อทำให้กระดูกสันหลังเสียหายจนขาดใจตาย จากนั้นใช้เดือยไม้อุดลงไปในแผลเพื่อไม่ให้เลือดไหลปนกับน้ำทะเล ถึงอย่างนั้นโลมาก็ยังต้องทรมานกับความเจ็บปวดหลายนาทีกว่าจะสิ้นใจตาย
ขณะที่ทางการ จ.วะกะยะมะ ชี้แจงผ่านเว็บไซต์ของจังหวัดว่า วิธีการใหม่นี้ใช้เวลาเพียง 10 วินาทีเท่านั้น และแทบจะไม่มีเลือดออกเลย
ทั้งนี้ ก่อนหน้าการเปิดฤดูการล่าโลมา กลุ่มนักอนุรักษ์ทั้งในญี่ปุ่นและต่างประเทศได้ยื่นฟ้องต่อศาลใน จ.วะกะยะมะ เพื่อให้ศาลสั่งยุติการล่าโลมา เนื่องจากขัดต่อกฎหมายของญี่ปุ่น โดยองค์กรอนุรักษ์โลมา Action for Dolphins เผยว่า หากศาลพิพากษาให้ฝ่ายนักอนุรักษ์ชนะคดี ใบอนุญาตล่าโลมาต้องถูกเพิกถอนและการล่าโลมาในเมืองไทจิต้องยุติลง
แต่ดูท่าว่าโอกาสที่นักอนุรักษ์จะชนะคดีเป็นไปได้ยาก เพราะรัฐบาลญี่ปุ่นไฟเขียวให้ล่าวาฬล่าโลมาเต็มที่ ดูจากการกลับมาล่าวาฬเพื่อการพาณิชย์เป็นตัวอย่าง อีกทั้ง โยชิฮิเดะ ซูกะ เลขาธิการสำนักนายกรัฐมนตรี เคยเอ่ยปากปกป้องการล่าโลมาไว้เมื่อ 5 ปีที่แล้วว่า การล่าโลมาเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการทำประมงของชาวญี่ปุ่น