โดยทีมข่าวต่างประเทศ
เพราะพูดอังกฤษไม่ได้จนถูกไล่ กลายเป็นแรงแค้น หลี่เซินจิ้งจึงผลักดันตัวเองสู่นัมเบอร์วันแห่งธุรกิจน้ำมันปาร์มมาเลเซีย
"บุญคุณต้องทดแทน แค้นต้องชำระ" เป็นสำนวนที่หลายคนมักยึดถือปฏิบัติกันมานมนาน ไม่ต่างอะไรจากเศรษฐีพันล้านอย่าง หลี่เซินจิ้ง เจ้าพ่อปาล์มน้ำมันรายใหญ่ระดับโลก เจ้าของบริษัท IOI GROUP ที่มีกิจการโรงกลั่นน้ำมันปาล์มขนาดใหญ่หลายแห่งทั่วโลก และยังเป็นผู้ที่ครอบครองทรัพย์สินกว่า 5,200 ล้านเหรียญสหรัฐ
แต่ไม่น่าเชื่อว่า เงินทองและตำแหน่งใหญ่โตทั้งหมดนี้จะเป็นผลมาจากความแค้นฝังหุ่นที่มีมากว่า 20 ปี ทันทีที่บริษัทแห่งหนึ่งปฏิเสธรับเขาเข้าทำงาน
ย้อนกลับไปเมื่อ 60 กว่าปีก่อน หลี่เซินจิ้งลูกชายเจ้าของร้านอาหารจีน ผู้ซึ่งเติบโตมาทางตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงกัวลาลัมเปอร์ ใกล้กับโรงงานผลิตยางรถยนต์ สถานที่แห่งนี้เองเป็นแหล่งทำมาค้าขายของพ่อซึ่งเปิดร้านอาหารจีน ค้าขายหาเช้ากินค่ำ นำเงินมาจุนเจือทุกคนในครอบครัว
เมื่ออายุเพียง 11 ขวบ ก็ต้องลาออกจากโรงเรียนกลางคัน เพื่อหารายได้มาช่วยทางบ้าน เริ่มแรกด้วยการยึดอาชีพเป็นพ่อค้าขายไอศกรีม ต่อมาก็หันมาขายรถจักรยาน หลังจากทำงานหนักได้ 4 ปี ก็มีเงินมาพอที่จะส่งเสียตนเองให้กลับเข้าเรียนหนังสือในระดับมัธยมปลาย เพื่อให้มีวุฒิการศึกษามากพอที่จะสามารถสมัครงานในบริษัทฝรั่งที่มาเปิดกิจการในมาเลเซียให้ได้
แต่แล้วเส้นทางชีวิตก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิดไว้ เพราะไม่ว่าจะสมัครงานที่ไหนก็ถูกปฏิเสธ เนื่องจากไม่มีวุฒิการศึกษา อีกทั้งภาษาอังกฤษก็กระท่อนกระแท่น พูดได้แบบงูๆ ปลาๆ ไม่มีนายจ้างคนไหนที่จะว่าจ้างพนักงานชั้นผู้น้อยคนนี้แต่อย่างใด
จนกระทั่งวันหนึ่งซึ่งถือว่าเป็นวันสำคัญในชีวิตของหลี่เซินจิ้ง คือวันที่เดินหน้าไปสมัครเข้าทำงานในบริษัท Dunlop Estate จากยุโรป แต่เจ้าของกิจการต้องส่ายหน้ากับภาษาอังกฤษของหนุ่มผู้นี้จนต้องปฏิเสธไปอย่างไม่ไยดี
เมื่องานที่คาดหวังว่าจะได้กลับปิดประตูใส่ หลี่เซินจิ้งจึงอัดอั้นด้วยความแค้นในใจ ได้แต่คิดที่จะลบล้างความอับอายนี้
ผ่านไปได้ 20 ปี หลี่เซินจิ้งกลับกลายเป็นคนที่มีเงินทองมากมายก่ายกอง มากพอที่จะซื้อกิจการบริษัท Dunlop บริษัทที่เคยปฏิเสธไม่รับเข้าทำงานเมื่อสมัยวัยรุ่น เขาซื้อกิจการได้อย่างสมน้ำสมเนื้อกับการรอคอย และยังให้สัมภาษณ์กับสื่อหนังสือพิมพ์ว่า เมื่อปี 1989 นั้นถือเป็นปีที่มีความสุขที่สุดเพราะสามารถซื้อกิจการที่เคยปฏิเสธชายคนนี้
และหากบริษัท Dunlop Estate จ้างเขาทำงานตั้งแต่ตอนนั้น ป่านนี้หลี่ก็ยังคงเป็นลูกน้องต่อไป และก็ไม่มีโอกาสที่จะได้มาเป็นเจ้าของกิจการพันล้านอย่างนี้แน่นอน ต้องขอบคุณบทเรียนชีวิตในครั้งนั้นที่ทำให้ หลี่เซินจิ้งได้พบกับจุดเปลี่ยนสำคัญที่สุดในชีวิต
หลังจากลบล้างคำสบประมาทและได้ก้าวขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งผู้บริหารบริษัท IOI GROUP แล้ว หลี่เซินจิ้งในวัย 73 ปี ก็ยังเดินหน้าลุยกิจการพันล้านอย่างเต็มที่ โดยรวมๆ แล้ว IOI GROUP มีโรงกลั่นขนาดใหญ่ถึง 4 โรง โดย 3 โรงตั้งอยู่ในมาเลเซีย อีกหนึ่งแห่งอยู่ที่เมืองรอตเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นโรงกลั่นที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป
แน่นอนว่าขนาดพื้นที่ที่ใหญ่หลายเอเคอร์ของ IOI GROUP นั้นจะทำให้กำลังการผลิตมีมากถึง 4.1 ล้านเมตริกตัน ผลิตน้ำมันปาล์มเพื่อนำไปใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ สำหรับคนทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นเหล็ก สเตนเลส อีกทั้งไขมันที่กลั่นได้จากโรงกลั่นน้ำมันปาล์มนั้นยังนำไปใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางจำพวกสบู่ ผงซักฟอก ฯลฯ
นอกจากนี้ยังมีเสียงเล่าลือกันว่าเจ้าสัวรายนี้เป็นคนที่ใช้น้ำมันทุกหยดอย่างคุ้มค่าที่สุด และแม้ว่าจะเป็นถึงเจ้าของกิจการระดับโลก แต่ก็ยังไม่วางมือที่จะมาดูต้นปาล์มแต่ละต้นว่ามีคุณภาพดีพอหรือไม่สำหรับการผลิตน้ำมันออกสู่ตลาดผู้บริโภค เคล็ดลับของการผลิตน้ำมันปาล์มที่มีคุณภาพนั้นอยู่ที่การปลูกและการให้ปุ๋ยต้นปาล์ม ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดก่อนที่จะนำไปเข้ากระบวนการผลิต
จริงอยู่ที่รายได้หลักของหลี่เซินจิ้งกว่า 70% นั้นจะมาจากบริษัทน้ำมันปาล์ม IOI GROUP แต่ที่เหลืออีกกว่า 30% นั้นล้วนมาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทั้งยังเป็นเจ้าของที่ดินกว่า 6 เอเคอร์ในสิงคโปร์ มีมูลค่าถึง 322 ล้านเหรียญสหรัฐ และนอกเหนือจากนี้ หลี่เซินจิ้งยังมามีบทบาทในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งในมาเลเซีย ไม่ว่าจะเป็นรีสอร์ต คอนโดฯ ศูนย์การค้า และสนามกอล์ฟ
ที่ดินแต่ละผืนนั้นล้วนทำกำไรเข้ากระเป๋าให้หลี่เซินจิ้งไม่หยุดหย่อน จนกลายเป็นคนรวยอันดับ 3 แห่งมาเลเซีย
ด้วยฐานะที่ยากจนตั้งแต่เด็กทำให้หลี่เซินจิ้งไม่มีโอกาสได้เรียนสูงๆ อย่างที่ตั้งใจไว้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ในวันนี้เจ้าพ่อน้ำมันปาล์มแห่งมาเลเซียได้ผงาดขึ้นมาเป็นคนรวยติดอันดับโลก หลี่เซินจิ้งจึงได้มอบเงินบริจาคเพื่อเป็นทุนการศึกษาให้กับนักเรียนที่เรียนดี เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนด้อยโอกาสทุกคนได้ศึกษาเล่าเรียนในสาขาที่ตนเองตั้งใจไว้ ไม่ว่าจะเป็นสาขาเกษตรกรรม ชีววิทยา การบริหาร-การจัดการ โดยทุนการศึกษานั้นมีชื่อว่า Yayasan Tan Sri Lee Shin Cheng Scholarship เปิดรับนักศึกษาที่มีผลการเรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์เป็นประจำทุกปี เพื่อเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยในประเทศมาเลเซีย