ก่อนที่ทั่วโลกจะหันมาให้ความสำคัญกับ “สิ่งแวดล้อม” ดูเหมือนว่าเมืองเมืองหนึ่งในประเทศสเปน อย่าง “ปอนเตเบดรา” (Pontevedra) จะกลายเป็นเมืองต้นแบบรักษ์โลกที่นำหน้าเมืองใหญ่ๆ ทั่วโลกไปเรียบร้อย เพราะที่แห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นเมือง “ปลอดรถยนต์” มานานเกือบ 20 ปี
เมืองปอนเตเบดรา ตั้งอยู่บนคาบสมุทรไอบีเรีย แคว้นกาลิเซีย ทางตะวันตกเฉียงเหนือของสเปน มีประชากรประมาณ 80,000 คน เทศบาลเมืองแห่งนี้ได้ตัดสินใจเปลี่ยนพื้นที่กว่า 300,000 ตร.ม.ใจกลางเขตเมืองเก่า ให้กลายเป็นเขตปลอดรถยนต์และคืนทางเท้าให้ผู้อยู่อาศัยมาตั้งแต่ปี 1999 โดยเทศบาลเมืองปอนเตเบดรา ได้ดำเนินมาตรการต่างๆ เป็นลำดับขั้นตอน ตั้งแต่การจัดระเบียบถนนใหม่ อนุญาตให้รถที่เข้าเขตเมืองเก่าได้ ต้องเป็นรถของผู้อาศัย รถพยาบาล รถโดยสารและรถส่งของเท่านั้น ขณะเดียวกันก็จำกัดความเร็วให้รถวิ่งได้ไม่เกิน 20 กม.ต่อ ชม. และห้ามจอดรถริมทาง อนุญาตให้จอดได้แค่ครั้งละ 15 นาทีเท่านั้น
Iago Pillado
ส่วนการออกแบบถนนก็ให้ความสำคัญกับคนเดินถนนมากกว่า โดยตัดถนนแคบๆ เพียง 3.5 ม.และไม่มีฟุตปาธ รถยนต์ต้องใช้ทางร่วมกับคนเดินเท้า ซึ่งมาตรการต่างๆ เหล่านี้กำหนดขึ้นโดยเจตนาเพื่อให้คนไม่อยากใช้รถยนต์ส่วนตัว ส่วนเขตชานเมือง ซึ่งเป็นเขตเมืองใหม่ ยังคงอนุญาตให้ใช้รถยนต์ได้อยู่ โดยออกแบบถนนวงแหวนวิ่งรอบเมือง ไม่ตัดผ่านกลางเมือง คนจะเข้ามาทำธุระในเมืองต้องจอดรถไว้ในที่จอดรถนอกเมืองและเดินเท้าเข้ามา
และเมื่อเป็นเมืองที่สนับสนุนให้ผู้คนเดินเท้า เทศบาลเมืองปอนเตเบดราจึงได้สร้างแผนที่ Metrominuto ซึ่งคล้ายๆ กับแผนที่รถไฟฟ้าใต้ดิน ซึ่งจะมีเครื่องหมายระยะทางเดินเท้า เวลาที่ใช้เดิน และข้อมูลจุดเชื่อมต่อสำคัญต่างๆ ของเมือง ซึ่งทุกคนสามารถใช้เวลาเพียง 25 นาทีในการเดินข้ามเมืองด้วยแผนที่ดังกล่าว ซึ่งมันยังถูกนำไปใช้เป็นแบบจำลองแผนที่สำหรับเมืองอื่นๆ ในยุโรปด้วย อาทิ ฟอร์เรนซ์, กายารี ในอิตาลี หรือเขตแองเจิล ในกรุงลอนดอน ขณะเดียวกันในสเปนก็มีหลายเมืองที่ตื่นตัวและเริ่มปรับเมืองให้เป็นเขตปลอดรถยนต์ อย่างย่านเมืองเก่า เฮเรซ เด ลา ฟรอนเทรา หรือเมืองอื่นๆ ในกาลิเซีย ก็เริ่มที่จะใช้โมเดลเดียวกันนี้แล้ว
juantiagues
มิเกล อานโซ่ เฟอร์นานเดส ลอเรส นายกเทศมนตรีเมืองปอนเตเบดรา กล่าวว่า ก่อนที่เขาจะมาเป็นผู้นำที่เมืองแห่งนี้ มีรถยนต์มากกว่า 14,000 คันผ่านไปตามถนนทุกวัน รถยนต์มากกว่า 1 คัน ขับผ่านเมืองในแต่ละวันที่มีผู้คนอาศัยอยู่ “ศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของเมืองได้ตายไปแล้ว มียาเสพติดมากมาย และเต็มไปด้วยรถยนต์ เกิดมลภาวะและอุบัติเหตุบ่อยครั้ง เมืองเสื่อมโทรมลงทุกวัน ในตอนนั้นเรานึกถึงการปรับปรุงสภาพจราจร แต่ไม่สามารถทำได้ด้วยแผนการที่อนุมัติ เราจึงตัดสินใจที่จะคืนพื้นที่สาธารณะสำหรับผู้อยู่อาศัย ดังนั้น เราจึงเดินหน้ากำจัดรถยนต์ในเมือง” ลอเรส กล่าว
นโยบายห้ามรถยนต์ในเมืองปอนเตเบดรา ถูกต่อต้านอย่างหนักตอนประกาศใช้ครั้งแรก แต่ปัจจุบันได้รับการสนับสนุน เนื่องจากมองเห็นประโยชน์ โดยเฉพาะต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ร้อยละ 70 จากการตรวจวัดเมื่อปี 2013 และสถิติอุบัติเหตุ บนท้องถนนตั้งแต่ปี 1996-2006 มีผู้เสียชีวิตเพียง 3 คน และ 10 ปีถัดมาพบว่าอุบัติเหตุเป็นศูนย์
ปอนเตเบดรา เป็นเมืองที่มีสัดส่วนพื้นที่คนเดินเท้ามากที่สุดในกาลิเซีย 65% ของการเดินทางในใจกลางเมืองเป็นการเดินเท้า ในปี 2016 จึงได้รับการยอมรับว่าเป็น 1 ใน 15 เมืองขี่จักรยานที่ดีที่สุดในโลก และยังได้รับรางวัลด้านการจัดการเมืองจากองค์กรระหว่างประเทศทั่วโลก อาทิ European Intermodes Award และ World Habitat UN Habitat นอกจากนั้น การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวยังทำให้คุณภาพชีวิตของชาวเมืองปอนเตเบดราและชาวสเปนอีกกว่า 12,000 คนที่ย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองดีขึ้น จนทำให้คะแนนนิยมของนายกเทศมนตรีลอเรส พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และรักษาฐานเสียงไว้ได้อย่างเหนียวแน่น จนทำให้เขาได้รับเลือกให้นั่งเป็นนายกเทศมนตรีติดต่อกันถึง 4 สมัยจนถึงปัจจุบันด้วย
-ภาพ : wikipedia.org / Luis Miguel Bugallo Sánchez