WORLD NEWS

โดย M2F Writer

11 ธันวาคม 2561 : 12:30 น.

รายงานพิเศษต่างประเทศ

การจับกุม เมิ่งหว่านโจว บุตรสาวของผู้ก่อตั้งบริษัท หัวเว่ย ผู้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (CFO) ของหัวเว่ย ทำให้การเผชิญหน้าระหว่างจีนกับสหรัฐระอุขึ้นมาอีกครั้ง จากเดิมมีทีท่าว่าจะซาลงหลังการบรรลุข้อตกลงระงับศึกการค้าได้ในที่ประชุม G20 โดยวานนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีนถึงกับสั่งเรียกตัวเอกอัครราชทูตสหรัฐมาพบเพื่อชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้น และรัฐบาลจีนยังเตือนแคนาดาว่า จะเผชิญกับผลลัพธ์ที่เลวร้าย จากการที่แคนาดาจับกุมตัวเมิ่งหว่านโจวตามหมายจับของสหรัฐ

คำถามสำคัญในเวลานี้ก็คือ สหรัฐมีสิทธิอะไรที่จะจับกุมพลเมืองของชาติอื่น? และทำไมแคนาดาในฐานะประเทศที่มีเอกราชสมบูรณ์จึงต้องย้อมโอนอ่อนตามสหรัฐ?

จากการไต่สวนชั้นต้นโดยศาลแคนาดาเมื่อวันที่ 7 ธ.ค. ความผิดของเมิ่งหว่านโจวก็คือ วางแผนการล่อลวงเงินของสถาบันการเงินหลายแห่ง โดยผ่านบริษัท SkyCom ซึ่งเป็นบริษัทขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในฮ่องกง เพื่อทำธุรกิจกับบริษัทโทรคมนาคมของอิหร่าน ทั้งๆ ที่อิหร่านถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐ ทั้งนี้ SkyCom เคยเป็นส่วนหนึ่งของหัวเว่ย แต่แยกตัวออกมา สหรัฐอ้างว่าหัวเว่ยยังคงบงการ SkyCom อยู่เบื้องหลัง โดยมีเมิ่งหว่านโจวเป็นผู้บริหารอยู่ช่วงหนึ่ง แต่เธอปฏิเสธ

แม้จะเป็นการคว่ำบาตรโดยสหรัฐแต่ฝ่ายเดียวต่ออิหร่าน แต่สหรัฐมีอำนาจที่จะจับกุมผู้ที่ละเมิดคำสั่งคว่ำบาตรได้ รวมถึงผู้ที่ทำการฉ้อโกงผ่านธุรกรรมกับสถาบันการเงินที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐ อำนาจดังกล่าวมาจากกฎหมายที่ชื่อว่า Foreign Corrupt Practices Act ที่มีเป้าหมายเพื่อกำราบการติดสินบนของภาคธุรกิจต่อรัฐบาลต่างชาติ และทำให้โลกปลอดจากการฉ้อฉล พูดง่ายๆ ก็คือ ให้อำนาจสหรัฐเป็นเสมือน ป.ป.ช. ของโลกนั่นเอง

แต่กฎหมายนี้ถูกโจมตีว่าเป็นการใช้สิทธิสภาพนอกอาณาเขต ล่วงล้ำอธิปไตยชาติอื่น ในสหรัฐเองก็เกิดความกังวลในหมู่สมาชิกสภาคองเกรสว่าเป็นการบั่นทอนภาคธุรกิจ แม้ โดนัลด์ ทรัมป์ ยังเอ่ยว่าเป็น “กฎหมายที่น่าเกลียด” กระนั้น ทรัมป์มีเหตุผลที่จะรังเกียจกฎหมายดังกล่าว เพราะ The New Yorker รายงานไว้เมื่อเดือน มี.ค. ว่า องค์กรของทรัมป์ช่วยก่อสร้างโรงแรมในอาเซอร์ไบจาน ซึ่งมีคนในครอบครัวรัฐมนตรีรายหนึ่งเป็นเจ้าของ และรัฐมนตรีผู้นี้มีสายสัมพันธ์กับกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีการดำเนินคดีกับทรัมป์ฐานเอี่ยวกับอิหร่านทางอ้อม ผ่านผู้ที่มีสัมพันธ์กับอิหร่าน

เมื่อปี 2015 ธนาคาร Deutsche Bank ของเยอรมนีถูกสหรัฐสั่งปรับ 258 ล้านเหรียญสหรัฐ ฐานช่วยทำธุรกรรมกับอิหร่านทางอ้อม ทว่า เมื่อเดือน พ.ค. 2018 ธนาคารในเยอรมนี 6 แห่ง ยืนยันว่าจะทำธุรกิจกับอิหร่านต่อไป แม้จะเผชิญกับการคว่ำบาตรที่รุนแรงที่สุดจากสหรัฐ แต่กลับไม่ถูกดำเนินคดีจากสหรัฐ ตรงกันข้าม สหรัฐมุ่งเล่นงานบริษัทจีน ทั้งหัวเว่ยและ ZTE ที่ทำธุรกิจกับอิหร่านเช่นกัน ทำให้น่ากังขาว่า สหรัฐมีเจตนาอะไรกันแน่กับการมุ่งจัดการธุรกิจจีนมากกว่าธุรกิจของพันธมิตรที่ทำผิดในข้อเดียวกัน

การจับกุมตัวเมิ่งหว่านโจว อาจไม่เข้าข่ายการละเมิด Foreign Corrupt Practices Act แต่ก็สะท้อนถึงอำนาจที่ล้นเหลือของสหรัฐ ในการเอาผิดผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามบรรทัดฐานที่ตัวเองตั้งไว้ และสะท้อนสิทธิสภาพนอกอาณาเขตของสหรัฐในฐานะตำรวจโลกที่มีปัญหาเรื่องความชอบธรรม

ข่าวเด่น

ข่าวที่น่าสนใจ