จีน-สหรัฐพักรบสงครามเศรษฐกิจแต่ศึกนี้ยังไม่จบง่ายๆ
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ เผยทางทวิตเตอร์ @realDonaldTrump ว่า "จีนตกลงที่จะลดและยกเลิกพิกัดภาษีรถยนต์ที่นำเข้าจากสหรัฐมายังจีน ปัจจุบันพิกัดภาษีอยู่ที่ 40%
การเปปิดเผยของ ทรัมป์ มีขึ้นหลังได้ข้อตกลงกับประธานาธิบดี สีจิ้นผิง แห่งจีนหลังการประชุม G20 ซึ่งถถือเป็นเรื่องทีเ่หนือความคาดหมายมาก เพราะในระยะหลังที่ประชุม G20 มักไม่มีผลลัพธ์ที่ชัดเจนนัก เนื่องจากสภาพการณ์ของการเมืองโลกที่แตกเป็นฝ่ายมากขึ้นทุกที แต่การประชุมครั้งล่าสุดที่อาร์เจนตินา กลับมีผลสะเทือนครั้งสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก เมื่อ สี กับ ทรัมป์ ร่วมประชุมนอกรอบระหว่างการรับประทานอาหารค่ำนานถึง 2 ชม. เพื่อสะสางปัญหาที่เกิดจากการเผชิญหน้ากัน จนนำไปสู่ภาวะ “สงครามเศรษฐกิจ” ส่งผลกระทบไปทั่วโลก รวมถึงไทย
แต่ในที่สุด สีจิ้นผิงกับทรัมป์ก็สามารถลงรอยกันได้ชั่วคราว โดยทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะสงบศึกเป็นเวลา 90 วันนับจากนี้ และสหรัฐจะระงับการขึ้นภาษีสินค้าจีน 25% เป็นเงิน 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐไปก่อน โดยมีกำหนดการที่จะประกาศใช้มาตรการนี้ในวันที่ 1 ม.ค. 2019 หลังจากใช้มาตรการทางภาษีตอบโต้กันไปมาตั้งแต่ช่วง ม.ค. 2018 ขณะที่จีนตกลงที่จะซื้อสินค้าเพิ่มจากสหรัฐของภาคเกษตร, พลังงาน และอุตสาหกรรม รวมถึงสินค้ากลุ่มอื่นๆ แม้จะยังไม่ตกลงกันว่าจะนำเข้าในปริมาณเท่าไร แต่ทำเนียบขาวแถลงว่าจะมีปริมาณมากพอสมควร เพื่อลดตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐกับจีน
ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวระหว่างขึ้นเครื่องแอร์ฟอร์ซวันเดินทางกลับประเทศ ว่า “เป็นข้อตกลงที่เหลือเชื่อมาก ที่เราจะทำก็คือยับยั้งการขึ้นภาษีไว้ก่อน ส่วนจีนจะเปิดตลาดให้มากขึ้น จีนจะระงับพิกัดภาษี จีนจะซื้อสินค้ามากมายมหาศาลจากเรา”
ในระหว่างนี้จีนกับสหรัฐจะเจรจาเพื่อหาจุดลงรอยในเรื่องการค้า แต่ประเด็นที่จะหารือไม่อาจหาข้อสรุปได้โดยง่าย เพราะเป็นปมเงื่อนความขัดแย้งใหญ่หลวง เช่น ท่าทีของสหรัฐที่ไม่พอใจกับนโยบายของจีน ที่บังคับให้บริษัทต่างชาติถ่ายทอดเทคโนโลยีให้เพื่อแลกกับการเข้าถึงตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก, ประเด็นที่สหรัฐอ้างว่าจีนละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา, การล่วงล้ำและฉกชิงข้อมูลไซเบอร์, ปัญหาการใช้มาตรการที่มิใช้ภาษีในการกีดกันการค้า และภาคการบริการกับภาคเกษตร
สำนักข่าวเกียวโดมีบทวิเคราะห์เรื่องข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์ โดยชี้ว่า สงครามการค้ายังจะไม่จบลงง่ายๆ เพราะจีนมีเป้าหมายในการรื้อฟื้นความยิ่งใหญ่ของประเทศ ซึ่งไม่พ้นที่จะขัดแย้งกับมหาอำนาจอย่างสหรัฐแน่นอน นักการทูตรายหนึ่งในปักกิ่งเผยว่า สีจิ้นผิงจะไม่ยอมวางมือจากนโยบายสร้างจีนให้ยิ่งใหญ่ง่ายๆ จึงยากที่จีนจะยอมโอนอ่อนให้กับความต้องการของทรัมป์ไปเสียทั้งหมด ส่วนฝ่ายสหรัฐเองก็จะไม่ยอม หากจีนไม่อ่อนข้อให้ตามที่สหรัฐต้องการ