เพื่อไทยขนทัพศึกปราศรัยใหญ่โค้งสุดท้ายเลือกตั้งซ่อมส.ส.หลักสี่-จตุจักร คึกคัก เปิดกลยุทธ์เลือกให้ชนะขาดชี้เพื่อไทยคือความหวังคนรุ่นใหม่ เพิ่มเงินในกระเป๋าประชาชน
เมื่อค่ำวันที่ 28 มกราคม พรรคเพื่อไทยจัดปราศรัยใหญ่หาเสียงช่วย นายสุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตเลือกตั้งที่ 9 หลักสี่-จตุจักร โดยมีแกนนำของพรรคร่วมเวทีปราศัยคับคั่งนำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค มีประชาชนเข้าร่วมฟังจำนวนมาก ณ บริเวณสวนสาธารณะเคหะชุมชนทุ่งสองห้อง
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ปราศรัยว่า การเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม.เขต 9 หลักสี่ จตุจักร ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 30 มกราคม 2565 พี่น้องประชาชนต้องเลือกนายสุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัคร ส.ส.เพื่อไทย เบอร์ 3 ให้ชนะขาดเท่านั้น ถือเป็นโอกาสที่จะแก้ตัว กู้ศักดิ์์ศรี ที่หายไปจากการเลือกตั้งในปี 2562 เพื่อเลือกคนทำงานรับใช้พี่น้องประชาชน การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการส่งสัญญาณบอกไปยังรัฐบาลว่าประชาชนต้องการการเปลี่ยนแปลง ต้องการเปลี่ยนรัฐบาล และต้องการบอกรัฐบาลว่าพรรคที่ทำงานรับใช้ประชาชนได้ดีคือพรรคเพื่อไทยที่พร้อมมอบอนาคตที่ดีให้กับประชาชนทุกคน มีบุคลากรผู้มากความสามารถ มีมันสมองที่ดี รวมเข้ากับความรู้ของคนรุ่นใหม่มาผสมผสาน เพื่อสร้างนโยบายที่ดีที่คนทุกรุ่นจะต่อยอดไปได้ เพื่อชีวิตใหม่ของประชาชน
ทั้งนี้ การเลือกตั้งครั้งนี้เกิดจากวิกฤตทางการเมืองที่มีผู้มีอำนาจ ยึดอำนาจไปจากประชาชน แม้แต่คุณสมบัติต้องห้ามของผู้สมัคร ส.ส.ในปี 2562 ยังสามารถกลายเป็นผู้สมัคร ส.ส. จนเข้ามาเป็น ส.ส.ในสภาได้ ซ้ำยังไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น ความไม่รับผิดชอบของรัฐบาล ประชาชนจึงไม่ควรให้โอกาสอีก ด้วยการเลือกนายสุรชาติ เบอร์ 3 เท่านั้น
“ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ประเทศเจอวิกฤตทั้งปากท้องของแพง ขณะที่นายสุรชาติ ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย นำเสนอนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย มีคนปรารถนาดีนำไปโฆษณาต่ออีก ก็ต้องขอขอบคุณเขา เรื่องนี้ตอกย้ำว่าชาวหลักสี่ จตุจักร ต้องเลือกให้ขนะขาด เลือกสุรชาติเพื่อไทย เบอร์ 3 ให้ถล่มทลายเท่านั้น” นพ.ชลน่านกล่าว
ด้านนายสุรชาติ ปราศรัยว่า ว่า การเป็นส.ส.เป็นความฝันเดียว ซึ่งที่ผ่านมาพี่น้องประชาชนเคยช่วยกันทำให้ฝันนั้นเป็นจริงมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่วันนี้่มีฝันที่ยิ่งใหญ่กว่า คือ อยากเป็นผู้แทนราษฎร ที่จะทำงานรับใช้ประชาชน เพื่อทำให้คุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนดีขึ้น แต่เรื่องนี้ไม่สามารถทำคนเดียวได้ พี่น้องประชาชนและพรรคเพื่อไทยหากร่วมมือกันจะทำได้
ทั้งนี้ การออกมาพูดในระหว่างการหาเสียงเรื่องรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายนั้นเพราะเมื่อครั้งเป็น ส.ส. ปี 2554 ในช่วง 2 ปีกว่าๆ นั้นได้มีส่วนในการผลักดันโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง โดยมีโอกาสเข้าพบอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพื่อขอให้พิจารณาอนุมัติสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง ในยุคที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลให้ได้ เพราะมีความสำคัญกับพี่น้องประชาชนชาวกรุงเทพฯ 3-4 เขตปกครอง รวมไปถึงพี่น้องในปริมณฑลก็จะได้ใช้ประโยชน์ และสุดท้ายรถไฟฟ้าสายสีแดง ก็ได้รับการอนุมัติให้ก่อสร้างในสมัยรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่นำโดยอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
"วันนี้ที่ต้องพูดถึงราคาค่ารถไฟฟ้า เพราะรถไฟฟ้าสายสีแดง พี่น้องประชาชนในพื้นที่หลักสี่ส่วนใหญ่แทบจะไม่ได้ใช้ เนื่องจากราคาค่าโดยสารยังคงสูงเกินไป เราสร้างรถไฟฟ้ามาเพื่อให้ประชาชนทุกคนได้ใช้ ไม่ได้สร้างเอาไว้เป็นอนุสาวรีย์หรือให้เฉพาะคนที่มีเงินได้ใช้ ใครก็ตามที่พยายามร้องเรียนเรื่องนี้หรือพยายามดึงให้ผมเข้าสู้ความขัดแย้งนั้นคงไม่สามารถทำตามเป้าหมายได้ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา 17 ปีพี่น้องประชาชน รับรู้ดีว่าการทำงานทั้งหมดเป็นการทำเพื่อประชาชนและการหาเสียงครั้งนี้เพื่อกลับเข้าสภาไปทำงานรับใช้ประชาชน การเมืองของผมคือการให้เกียรติประชาชน นโยบายก็ต้องเป็นนโยบายที่ให้เกียรติประชาชน สำหรับผมนโยบายที่ให้เกียรติประชาชนเช่นนั้น คือ นโยบาย SML ที่ให้พี่น้องประชาชนได้มีอำนาจในการใช้งบประมาณและตัดสินใจแก้ปัญหาในชุมชนด้วยตัวเอง นี่คือจุดเริ่มต้นของประชาธิปไตยและการให้เกียรติประชาชน แล้วขณะนั้นผมได้ใช้ความเป็นผู้แทนราษฎรเข้าไปร่วมประสานงานโครงการนี้ ซึ่งเขตหลักสี่เป็นพื้นที่ที่ทำโครงการ SML ได้มากที่สุดในกรุงเทพฯ"นายสุรชาติกล่าว
อย่างไรก็ตาม อีกเรื่องที่พูดเสมอคือการปฏิรูประบบราชการ ตนใช้เวลา 17 ปีเป็นผู้รับใช้ประชาชน ทุกครั้งที่ผมเห็นนักการเมืองหรือข้าราชการทำตัวเหนือประชาชน ผมจะเดินไปบอกเสมอว่าไม่มีใครอยู่เหนือประชาชนได้ ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงจะต้องเกิดขึ้น แต่การเปลี่ยนแปลงนั้นจะไม่ใช่การทำลายล้าง แต่จะเปลี่ยนแปลงด้วยทัศนคติที่ดี ผมเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยที่เคยปฏิรูประบบราชการครั้งใหญ่มาแล้วซึ่งไม่เพียงทำให้ประชาชนมีความสุขแต่พี่น้องข้าราชการก็มีความสุขมากขึ้นด้วยนั้นเราจะทำอีกครั้งหนึ่ง .17 ปีที่ผ่านมาผมล้มลุกคลุกคลาน ผิดหวังมากกว่าสมหวัง เมื่อ 3 ปีที่แล้ววันที่ผมแพ้การเลือกตั้ง วันต่อมาผมขึ้นรถแห่ขอบคุณทุกคะแนนเสียงของพี่ป้าน้าอาที่มอบให้ วันนั้นเป็นวันที่ผมต้องเสียน้ำตา เพราะไม่ว่าผมจะไปจุดไหน ก็จะมีพี่ป้าน้าอามาร้องไห้กับความพ่ายแพ้ของผม แต่นั้นคือสิ่งที่ทำให้ผมมีกำลังใจในการออกไปหาพี่ป้าน้าอาทุกวัน และบอกตัวเองว่าวันนี้จะแพ้ไม่ได้อีกแล้ว ตนจะต้องชนะเพื่อทวงศักดิ์ศรีให้พี่ป้าน้าอาและพี่น้องคนหลักสี่ คนจตุจักรทุกคน วันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม เราจะชนะไปด้วยกัน แล้วตนจะแบกเอาศักดิ์ศรีคนหลักสี่และคนจตุจักรเข้าสภา
ด้าน นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้จำเป็นต้องเลือก สุรชาติ เพื่อต่อลมหายใจประชาธิปไตย เอาพรรคเพื่อไทยมาต่อสู้กับเผด็จการ และเพื่อบอกว่าพรรคเพื่อไทยคือพรรคเดียวที่ยืนหยัดต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ทั้งนี้ทั่วโลกมีประวัติศาสตร์การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย แม้ล้มลุกคลุกคลานแต่สุดท้ายประชาธิปไตยชนะทุกประเทศ ประเทศไทยวันนี้ประชาธิปไตยยังชนะไม่สมบูรณ์ การลงคะแนนเลือกตั้งในวันที่ 30 มกราคม 2565 เป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย แม้ที่ผ่านมาพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชนมาจนถึงพรรคเพื่อไทย โดนรัฐประหารมาแล้ว 2 ครั้ง ถูกยุบพรรคมาแล้ว 2 ครั้ง ชนะเลือกตั้งแล้วแต่ถูกหาว่าเป็นการเลือกตั้งโมฆะ 2 รอบ ผู้นำของพรรคถูกกลั่นแกล้ง แต่ไม่เคยยอมแพ้ สายเลือดของพรรคการเมืองนี้จึงยังยืนอยู่ที่นี่ รัฐบาลที่ยึดอำนาจมาได้พยายามจะฆ่าพรรคเพื่อไทยให้ตาย เพื่อให้ประชาธิปไตยอ่อนแรงและสูญพันธุ์ เผด็จการจะได้ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดินนี้ แต่พวกเราไม่หนีและยังสู้ทุกรูปแบบ แล้ววันนี้จึงมาถึงจุดหนึ่งที่พวกเราต้องมาสู้ คือ การเลือกตั้งในวันที่ 30 มกราคม วันนี้เราจำเป็นต้องทุบหม้อข้าวเพื่อเข้าตีเมือง