“บิ๊กโจ๊ก” ลุยจับเรือประมงปลอมแปลงสัญชาติผิดกฎ IUU พร้อมออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องแล้ว 18 คนทั้งเจ้าของและลูกเรือ เตรียมออกหมายจับเจ้าหน้าที่ของรัฐเอี่ยว อึ้งพบมีอยู่ 1 ลำล่าโลมา 11 ตัวมาฆ่าบนเรือ
เมื่อวันที่ 2 ม.ค. พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรองประธานอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย พร้อมด้วยพล.ร.ต.สุรศักดิ์ ประทานวรปัญญา รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล) ภาค 2 ตำรวจ สภ.สิงหนคร จ.สงขลา กองบังคับการตำรวจน้ำสงขลา กรมเจ้าท่าสงขลา ศุลกากรภาค 9 และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 9 เดินทางมาที่อู่เรือศรีสงขลา หมู่ 2 ต.หัวเขา อ.สิงหนคร จ.สงขลา ทำการตรวจสอบเรือที่ยึดไว้ 5 ลำ
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.2564 ชุดปฏิบัติการด้านการประมงร่วมกับเจ้าหน้าที่สืบสวน ศพดส.ตร. ศรชล ภาค 2 และตำรวจภูธรภาค 9 ได้เข้าทำการตรวจสอบอายัดและสั่งกักเรือประมงปลอมแปลงสัญชาติ ที่ได้ลักลอบเข้ามาในประเทศไทยผิดกฎหมายจำนวน 5 ลำ พร้อมลูกเรืออีก 15 ราย โดยได้แยกตามพฤติการณ์เป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่ 1 เรือประมงจำนวน 3 ลำ 1 เรือ KM.EDBERT JAYA 5 ขนาด 30 ตันกรอส เรือกลุ่มนี้ได้ทำการตรวจพบว่ามีการปลอมแปลงชื่อบริเวณหัวเรือ จากชื่อเรือมาเลเซีย เป็นชื่อเรือและประดับธงอินโดนีเซีย ก่อนเดินทางออกจากท่าเทียบเรือประเทศมาเลเชีย มายังอู่เรือศรีสงขลา จ.สงขลา โดยไม่ผ่านพิธีการศุลกากร รวมทั้งไม่แจ้งกรมประมงและกรมเจ้าท่า
กลุ่มที่ 2 เรือประมงจำนวน 2 ลำ คือ 1.เรือ JADE 3 EKS.FU YUAN YU 793 ขนาด 210 ตันกรอส และ2.เรือ JADE 5 EKS.FU YUAN YU 794 ขนาด 207 ตันกรอส เรือกลุ่มนี้ตรวจพบว่ามีการปลอมแปลงชื่อบริเวณหัวเรือ ปิดบังอำพรางชื่อและสัญชาติเรือ โดยการประดับธงชาติอินโดนีเชียเช่นกัน ก่อนเดินทางออกจากท่าเทียบเรือประเทศมาเลเซียย มาจอดพักที่ท่าเทียบเรือ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส และเดินทางมายังอู่เรือศรีสงขลา จ.สงขลา โดยไม่ผ่านพิธีการศุลกากร รวมทั้งไม่แจ้งกรมประมงและกรมเจ้าท่าเช่นเดียวกัน โดยเรือประมงทั้ง 5 ลำ มีลูกเรือ 15 ราย เป็นบุคคลสัญชาติไทย 16 ราย กัมพูชา 2 ราย และเมียนมา 1 ราย มีพฤติการณ์ในการแจ้งข้อมูลการเข้าออกท่าเทียบเรือช้ากว่าที่กำหนด ขณะที่ตัวแทนเรือดังกล่าวมีการยื่นเอกสารสำแดงเป็นเรือประมงสัญชาติอินโดนีเซีย แต่รายละเอียดในเอกสารไม่ตรงกับตัวเรือจริงทั้งสัญชาติขนาดและเครื่องยนต์
อย่างไรก็ตาม การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐานลักลอบนำเข้าเรือประมงเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านพิธีการศุลกากร ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับเป็นเงิน 4 เท่าของราคาของ ซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว หรือทั้งจำทั้งปรับ, ปลอมแปลงหรือปิดบังเครื่องหมายเรือประมงหรือทะเบียนเรือประมง ซึ่งเป็นความผิดตาม พระราชกำหนดประมง พ.ศ.2558 มีโทษปรับตามขนาดเรือ ตั้งแต่ 6 แสนถึง 30 ล้านบาท โดยเรือประมงทั้ง 5 ลำจะต้องถูกปรับเป็นวงเงินรวมกันถึง 67.8 ล้าน
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ประเทศไทยต้องเป็นผู้นำต่อต้าน IUU ในประเทศอาเซียน รวมถึงไม่มีการประมง IUU ทั้งระบบ โดย 1.เรือประมงถูกต้องไม่ว่าเรือไทยเรือสัญชาติอื่นทุกลำต้องมีทะเบียนมีสัญชาติเดียวและต้องแจ้งเข้า-ออก ตามกฎหมายทุกฉบับ 2.การทำประมงถูกต้อง เรือประมงไทยจะจับปลาต้องมีใบอนุญาต เครื่องมือประมงต้องเป็นไปตามมาตรฐานไม่ทำลายล้างทรัพยากรทะเล ไม่มีการจับสัตว์ทะเลคุ้มครอง สัตว์ทะเลสงวน เช่น โลมา วาฬ พะยูน รวมถึงการจับปลาในเขตพื้นที่อนุรักษ์ พื้นที่ชายฝั่งโดยเด็ดขาด และ 3.แรงงานประมงบนเรือถูกต้อง ทุกคนต้องเป็นแรงงานที่เข้าตามระบบ ได้รับค่าจ้าง สวัสดิการ ครบถ้วน มีเวลาทำงาน เวลาพักตามกฎหมาย ไม่มีแรงงานเด็กแรงงานบังคับ ไม่มีการขนถ่ายแรงงาน ค้ามนุษย์ทั้งกลางทะเลและบนบกโดยเด็ดขาด
“ผมได้กำชับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายในการทำงานว่าผมเอาจริง และตั้งใจเต็มที่ในการตัดเนื้อร้ายไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามให้ออกจากภาคประมงไทย คนเหล่านี้ต้องไม่มีที่ยืน ขณะเดียวกันพี่น้องชาวประมงที่ดีจะได้รับความคุ้มครองดูแลจากภาครัฐอย่างเต็มที่เช่นเดียวกัน ซึ่งปฏิบัติการครั้งนี้เป็นการยืนยันว่า ประเทศไทยยังคงมีระบบการควบคุมและเฝ้าระวังอย่างเข้มข้นและหากพบว่า เจ้าหน้าที่รัฐมีพฤติกรรมเอื้อประโยชน์ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ก็จะดำเนินการเอาผิดโดยเด็ดขาด "พล.ต.ท.สุรเชษฐ์กล่าว
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า การตรวจสอบเรือประมงทั้ง 5 ลำ ในวันนี้ได้ออกหมายจับไปแล้ว 18 คน เป็นเจ้าของเรือ 3 คน และลูกน้อง 15 คน และในเร็วๆ นี้จะมีการออกหมายจับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องอีก และกับเรือประมงที่จับมาได้ทั้ง 5 ลำ โดยมี อยู่ 1 ลำ ที่ทำการล่าปลาโลมาได้ 11 ตัวแล้วนำมาฆ่าที่บนเรือ
อย่างไรก็ตาม หากประชาชนที่ได้พบเห็นการกระทำผิดในลักษณะนี้ จะสามารถแจ้งข้อมูลมายังศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) โดยตรง สายด่วน 1559 หรือผ่านช่องทางเฟซบุ๊ก https:/www.facebook.com/antihumantraffickingpolice เพื่อแจ้งเบาะแส