ศบค.เผยคนไทยฉีดวัคซีนแล้ว 89,894,183 โดส ห่วงหลายจังหวัดพบการติดเชื้อเพิ่มขึ้นแต่ฉีดวัคซีนเข็มแรกครอบคลุมประชากรน้อย
เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.เปิดเผยว่า ยอดผู้ได้รับวัคซีนของประเทศไทยเมื่อวันที่ 23 พ.ย.มีจำนวน 575,392 โดส รวมยอดฉีดวัคซีนสะสมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. ทั้งสิ้น 89,894,183 โดส สำหรับจังหวัดที่มีแนวโน้มการระบาดและมีการฉีดวัคซีนเข็มแรกครอบคลุมจำนวนประชากรน้อยที่สุดคือ สระแก้ว ฉีดเพียง 48.1% พิษณุโลก 48.4 % อุบลราชธานี 50.4% และ ขอนแก่น 52.6%
ทั้งนี้ กลุ่มจังหวัดที่มีแนวโน้มการระบาดเพิ่มขึ้น แต่ฉีดวัคซีนเข็มแรกในกลุ่มผู้สูงอายุและ 7 โรคเสี่ยงครอบคลุมประชากรน้อยที่สุด ได้แก่ กาญจนบุรี และขอนแก่น 54.9% สระบุรี 56.5% พิษณุโลก 59.3% ส่วน 10 จังหวัดที่มีการฉีดวัคซีนเข็มแรกครอบคลุมจำนวนประชากรน้อยที่สุด ได้แก่ หนองบัวลำภู นครพนม บึงกาฬสกลนคร กาฬสินธ์ ยะโสธร ร้อยเอ็ด สุรินทร์ แม่ฮ่องสอน และสมุทรสงคราม ขณะที่ 10 จังหวัดที่ฉีดวัคซีนในกลุ่มผู้สูงอายุและ 7 โรคเสี่ยงครอบคลุมจำนวนประชากรน้อยที่สุด ได้แก่ นครนายกแม่ฮ่องสอน ราชบุรี สุพรรณบุรี ปัตตานี ขอนแก่น กาญจนบุรี ลพบุรี สระบุรี และสมุทรสงคราม
พญ.สุมนี กล่าวว่า ขอความร่วมมือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดในกลุ่มจังหวัดดังกล่าวมีมาตรการเชิงรุกและประชาสัมพันธ์การได้รับวัคซีน พร้อมขอภาคประชาสังคมและผู้นำในพื้นที่ช่วยเร่งรัดการฉีดวัคซีน เพราะหน่วยงานสาธารณสุขเพียงหน่วยงานเดียวไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ ขอยืนยันว่า ทุกจังหวัดมีปริมาณวัคซีนเพียงพอและกระจายอย่างทั่วถึง
"การฉีดวัคซีนไม่ใช่เพียงการรับสถานการณ์เปิดประเทศเท่านั้น แต่เป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของคนไทย เพราะเรารับนักท่องเที่ยวเข้ามา ขณะเดียวกันคนไทยก็มีการท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น เป็นการกลับมาใช้ชีวิตในแนววิถีใหม่ของคนไทย เช่น ผ่อนคลายการเปิดโรงเรียน สถานศึกษา ซึ่งจะทำให้ทั้งครูและนักเรียนมีความปลอดภัยมากขึ้น รวมถึงในตลาด ถ้าพ่อค้าแม่ค้าและผู้ไปใช้บริการได้รับวัคซีนครบถ้วน ก็จะมีความปลอดภัยมากขึ้น ขอให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกัน การที่เคร่งครัดมาตรการส่วนบุคคลไปด้วยกันจะทำให้ควบคุมการระบาดไม่ให้เกิดเป็นวงกว้างมากขึ้น และสามารถขับเคลื่อนการเปิดประเทศได้มากขึ้นด้วย"พญ.สุมนีกล่าว