ผบช.ตำรวจท่องเที่ยวเผยพบโกงเงินโครงการ"เราเที่ยวด้วยกันเฟส 3"อีก 11 ราย ชักชวนคนมีแอปเป๋าตัวร่วมทำผิดแลกให้เงินตอบ เตือนผู้ประกอบการร้านค้าอย่าทำผิดถูกดำเนินคดีทุกราย
เมื่อวันที่ 18 พ.ย. ที่ บช.ทท. พล.ต.ท.สุคุณ พรหมายน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว(ผบช.ทท.) เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาล ได้จัดทำโครงการ " เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 " เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ การใช้จ่ายภาคประชาชน ผ่านการท่องเที่ยวภายในประเทศ เพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง สนับสนุนการสร้างงานและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศในองค์รวม ปัจจุบันมีผู้ประกอบการโรงแรมและร้านค้า ที่เข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 จำนวน 3,019 ราย โดยรัฐบาลสนับสนุนงบประมาณสำหรับโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 จำนวน 15,000 ล้านบาท โดยสนับสนุนในโครงการ 3 รายการ คือ ส่วนลดค่าที่พักโรงแรม , ส่วนลดค่าอาหารและค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยว และส่วนลดค่าเดินทางโดยเครื่องบิน โดยประชาชนสามารถลงทะเบียนขอใช้สิทธิ์และทำรายการใช้สิทธิ์ต่าง ๆ โดยสมัครผ่านแอพเป๋าตัง ใช้สิทธิ์ได้ถึงวันที่ 31 ม.ค.2565
ทั้งนี้ พบพฤติกรรมการทำธุรกรรมไม่เป็นไปตามเงื่อนไขและส่อทุจริตจำนวน 11 ราย พบผู้ต้องสงสัย 5 ราย มีพฤติกรรมใช้นายหน้าหรือตัวแทนชักชวนประชาชนที่มีแอปเป๋าตังลงทะเบียนสิทธิ์โครงการ แล้วทำการจองห้องพักราคาสูง เพื่อรับเงินส่วนต่างที่รัฐบาลสนับสนุน ซึ่งขบวนการดังกล่าว ให้ค่าตอบแทนแก่ประชาชนที่หลงเชื่อเพียงเล็กน้อยโดยไม่ได้เข้าพักจริง โรงแรมบางแห่งยังไม่เปิดบริการแต่กลับมียอดการจองห้องพักผ่านโครงการเที่ยวด้วยกัน
อย่างไรก็ตาม มูลค่าความเสียหายกำลังอยู่ระหว่างตรวจสอบ แต่เบื้องต้นพบความเสียหายหลักล้านบาท และพบความผิด กระจายตาม 17 จังหวัดทั่วประเทศ ส่วนความเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกส่งฟ้องศาลไปก่อนหน้านี้ จากโครงการเที่ยวด้วยกันเฟส 1 และเฟส 2 ยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบว่า พบความเชื่อมโยงหรือไม่ ส่วนผู้เสียหายคือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. ยังไม่เข้าแจ้งความร้องทุกข์ จากนี้ขอเวลารวบรวมข้อมูลและประสานงานกับททท.น่าจะพบความเสียหายและกลุ่มผู้ต้องหามากกว่านี้
พล.ต.ท.สุคุณ กล่าวว่า ขอความร่วมมือจากสื่อมวลชน่วยประชาสัมพันธ์ข้อมูล ให้ประชาชนทราบว่าพฤติการณ์ลักษณะดังกล่าวเป็นความผิด และอย่าหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อของนายหน้า ที่มาแนะนำหรือชักชวนให้ทำการดังกล่าวโดยได้ค่าตอบแทนเพียงเล็กน้อย และขอแจ้งเตือนผู้ประกอบการโรงแรม รวมถึงร้านค้า ที่ร่วมโครงการดังกล่าว ให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขกฎระเบียบตามโครงการฯ ด้วยความสุจริต ทั้งนี้ หากพบผู้มีพฤติกรรมดังกล่าวข้างต้น ถือว่า มีเจตนา ฝ่าฝืนกฎหมาย จะต้องถูกดำเนินคดีทุกราย