อธิบดีกรมชลประทานเผยฝนตกชุกหลายพื้นที่ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเตือนประชาชน 2 ฝั่งแม่น้ำเฝ้าระวัง พร้อมปรับแผนระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาให้สอดคล้องกับสภาวะฝน
เมื่อวันที่ 6 ก.ยงนายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน(ชป.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณอ่างตังเกี๋ย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกชุกหนาแน่น โดยเฉพาะบริเวณภาคกลางและภาคตะวันออก ส่งผลให้มีน้ำหลากจากพื้นที่ตอนบนของลุ่มน้ำเจ้าพระยา ไหลลงสู่บริเวณเหนือเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน(5 ก.ย. 64)
ทั้งนี้ ที่สถานี C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 841 ลูกบาศก์เมตร/วินาที(ลบ.ม./วินาที) สมทบกับแม่น้ำสะแกกรังอีกประมาณ 55 ลบ.ม./วินาที ก่อนจะไหลลงสู่บริเวณเขื่อนเจ้าพระยา ที่ขณะนี้มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 563 ลบ.ม./วินาที คาดว่าปริมาณน้ำจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในเกณฑ์ประมาณ 600 – 700 ลบ.ม./วินาที ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำบริเวณด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ไปจนถึงบริเวณต.กระทุ่ม ต.หัวเวียง อ.เสนา และต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น กรมชลประทาน ได้ประสานไปจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ริม 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ให้ทราบถึงสถานการณ์น้ำและการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดแล้ว
สำหรับ สถานการณ์น้ำใน 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา(เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) ปัจจุบัน(5 ก.ย. 64) มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 8,725 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 35 ของความจุอ่างฯ เป็นน้ำใช้การได้ประมาณ 2,029 ล้าน ลบ.ม. ยังสามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 16,100 ล้าน ลบ.ม. โดยในช่วงวันที่ 29 ส.ค. - 4 ก.ย. 64 ที่ผ่านมา มีปริมาณน้ำไหลลง 4 เขื่อนหลัก รวมกันประมาณ 369 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งกรมชลประทาน ยังคงเดินหน้าเก็บกักน้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อสำรองน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งหน้าให้ได้มากที่สุด ก่อนจะสิ้นสุดฤดูฝน ในส่วนของการเพาะปลูกข้าวนาปีพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีการทำปีไปแล้ว 6.67 ล้านไร่ หรือร้อยละ 84 ของแผนฯ(แผนวางไว้ 7.97 ล้านไร่) มีการเก็บเกี่ยวไปแล้ว 2.41 ล้านไร่
อย่างไรก็ตาม กรมชลประทาน ได้กำชับให้ทุกโครงการชลประทานเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำและสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด พร้อมบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อวางแผนในการป้องกันและเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำให้กระทบกับประชาชนในพื้นที่ต่างๆให้น้อยที่สุด จนกว่าจะสิ้นสุดฤดูฝน จึงขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด หากต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อได้ที่โครงการชลประทานใกล้บ้าน หรือโทร.สายด่วนกรมชลประทาน 1460 ได้ตลอดเวลา