อธิบดีดีเอสไอสั่งสอบเพิ่มรถหรู28คันในคลังผกก.โจ้ เลี่ยงภาษีหรือไม่ แจง'ลัมโบกินี'ไม่ใช้ยศแจ้งเป็นเจ้าของ-ใช้มอนิมีถือครองปี 64

เมื่อวันที่ 126 ส.ค. พ.ต.ท กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ชี้แจงการดำเนินคดีรถยนต์หรูยี่ห้อลัมโบร์กินี รุ่น AVENTADOR LP 720-4 50th Anniversarioหมายเลขตัวรถ ZHWEC1ZD6ELA ซึ่งมีเพียง 50 คันในโลก โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจพบภายในบ้านพักของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือผกก.โจ้ อดีตผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ย่านรามอินทราว่า ดีเอสไอได้ตรวจสอบจากฐานข้อมูลในระบบบริหารคดีของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษแล้ว พบว่า รถยนต์คันดังกล่าว มีชื่อ นายธิติสรรค์ อุทธนผล เป็นผู้ครอบครอง โดยไม่ได้ยศนำหน้า ซึ่งรถหรูคันดังกล่าวดีเอสไอยึดมาจากบริษัทตัวแทนจำหน่ายนำเข้าทั้งคัน แต่สำแดงใบอินวอยซ์เท็จราคาต่ำกว่าความเป็นจริงเพื่อหลักเลี่ยงภาษี

“คดีนี้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษที่ 199/2560 ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ดำเนินคดีกับขบวนการผู้ร่วมกันกระทำความผิด รวม 8 ราย ที่ร่วมกันนำรถยนต์ใหม่สำเร็จรูปจากต่างประเทศมาในราชอาณาจักรโดยสำแดงราคานำเข้าเป็นเท็จต่ำกว่าราคาซื้อขายที่แท้จริง เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษี 328 เปอร์เซ็นต์ เป็นเหตุให้รัฐได้รับความเสียหาย 31 ล้านบาท ซึ่วมีความผิดตามพ.ร.บ.ศุลกากร 60 พ.ร.บ.สรรพามิตร 60 และกฎหมายอาญา”อธิบดีดีเอสไอ กล่าว

พ.ต.ท.กรวัขร์ กล่าวอีกว่า พ.ต.อ.ธิติสรรค์ ซื้อรถหรูคันดังกล่าวมาจากบริษัทฯตัวแทนนำเข้า โดยลักษณะการซื้อไม่พบความผิดปกติ มีการผ่อนชำระเป็นงวดๆ ต่อมาในปี 2564พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงชื่อผู้ครอบครองไปแล้ว แต่รถยนต์ยังอยู่ภายในบ้านพักของพ.ต.อ.ธิติสรรค์ เนื่องจากในทางปฎิบัติจะให้ผู้ครอบครองเก็บรักษารถไว้จนกว่าคดีจะถึงที่สุด ที่ผ่านมาดีเอสไอได้ส่งสำนวนการสอบสวนคดีดังกล่าวให้กับพนักงานอัยการแล้วเมื่อวันที่ 22 ส.ค. 62 โดยปัจจุบันคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการสูงสุด ส่วนรถยนต์หรูอีกจำนวน 28 คันมีชื่อพ.ต.อ.ธิติสรรค์ครอบครองอยู่นั้น ตนได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนตรวจสอบแล้วว่า อยู่ในบัญชีคดีรถหรูเลี่ยงภาษีอยู่ใน 66 คดีที่ดีเอสไอกำลังดำเนินการอยู่หรือไม่

พ.ต ท.กรวัชร์ ยังกล่าวถึงการรับคดีผกก.นครสรรค์และพวกใช้ถุงดำครอบหัวนายจิรพงศ์ ธนะพัฒน์ ผู้ต้อง หาค้ายาเสพติด เป็นคดีพิเศษว่า ตั้งแต่คดีดังกล่าวเกิดขึ้นก็พิจารณาอยู่ว่า คดีนี้เข้าข่ายคดีพิเศษหรือไม่ เพราะมีหลายคนสอบถามว่า อยากให้ดีเอสไอคานอำนาจในการสอบสวน แต่เบื้องต้นทราบว่าผบ.ตร.ได้แจ้งความดำเนินคดีผู้ต้องหาทั้ง 7 รายและได้แจ้งข้อหา 157 ด้วยดังนั้นคดีนี้หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานเบื้องต้นเสร็จสิ้นก็จะต้องส่งสำนวนให้ป.ป.ช.พิจารณาด้วย ดังนั้นคดีก็จะไม่มาถึงดีเอสไอ