THAI NEWS

โดย กองบรรณาธิการ M2F

24 สิงหาคม 2564 : 20:16 น.

สุราษฎร์ธานี-ปลดล็อกวันแรกประกาศขายใบกระท่อมทางออนไลน์กันคึกคักแต่ละจังหวัดต่างอวดอ้างสรรพคุณหวังชิงลูกค้า พบสูงสุดกิโลกรัมละ 800 บาทจากแหล่งปลูกยะลา ส่วนเมล็ดจากชุมพร 100 กรัม 1,100 บาท  

เมื่อวันที่  24 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้เป็นวันแรกที่มีผลบังคับใช้พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฉบับที่ 8 พ.ศ.2564 เป็นวันแรกที่มีการปลดล็อกพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติดให้โทษประเภท 5 โดยประชาชนสามารถดำเนินการเกี่ยวกับพืชกระท่อมได้อย่างเสรี ทั้งการปลูก ครอบครองหรือพกพาและขายได้ด้วยโดยไม่มีความผิดใดๆ

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า ในแอปพลิเคชั่น “ชิปปี้ ” แพลตฟอร์มตลาดสินค้าออนไลน์ได้มีการประกาศขายใบกระท่อมสดจากแหล่งปลูกหลายจังหวัดในภาคใต้ เช่น ชุมพร , สุราษฎร์ธานี , นครศรีธรรมราช , พัทลุง และยะลา ฯลฯ มีราคาตั้งแต่กิโลกรัมละ 300-700 บาท และมีการโฆษณาสรรพคุณกันอย่างคึกคัก ราคาแพงสุดมาจาก จ.ยะลา กิโลกรัมละ 800 บาทบรรยายสรรพคุณ อาทิ ใบพืชกระท่อมปลอดสารพิษปลอดสารเคมี ราคารวมส่งด่วนถึงมืออย่างปลอดภัย สบายใจหายห่วง

" ใบสดๆ เด็ดใหม่ๆ น้ำหนักเต็มไม่มีชุบน้ำ ไม่มีค้างเก่า ของเก่าเผาทิ้งอย่างเดียว ไม่เอามาขายให้เสียยี่ห้อ ครับ มีทั้ง ใบนครฯ ใบไทย ใบมาเลย์ ใบมันๆกินหรอยๆยีง่ายไม่เจ็บมือ รับประกัน ความยรร เคลมใบเสีย เอาเยอะมีราคาส่ง เจ้าของฟาร์มขายเอง ใบเสีย ใบขาด ชด คืนเต็มจำนวน หรืออย่างไรก็ได้ที่ลูกค้าพอใจ รับสมัครเอเย่นตัวแทนทั่วประเทศ นักบินพร้อม สายเขียวจงเจริญ"

นอกจากนี้ ผู้ค้าจากใบกระท่อม จ.ชุมพร ประกาศส่งฟรีหากสั่งซื้อตั้งเเต่ 5 กิโลกรัมขึ้นไปราคาพิเศษ มีทั้งใบเคี้ยว ใบต้ม ใบเสียเครมได้ครับ และมีประกาศขายเมล็ดกระท่อมชุมพร 100 กรัม ราคา 1,100 บาท เกสรดอกกระท่อมแท้ชุมพร คัดสายพันธุ์คุณภาพ เพาะขึ้นง่าย 100 กรัมเพาะได้เป็นแสนต้น

นายสุนทร รักษ์รงค์   เลขาธิการสภาเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หลังจากนี้ไปพืชกระท่อมสามารถซื้อขาย ได้อย่างเสรีและเป็นที่ทราบดีว่า พืชกระท่อมมีผลประโยชน์ทางยา คาดว่าจะเป็นพืชเศรษฐกิจในอนาคตข้างหน้า ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสภาเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยาง จะผลักดันให้เกษตรกรชาวสวนยางปลูกพืชกระท่อมในสวนยางพารา ตามแนวทางการทำสวนยางที่ยั่งยืน เพื่อให้พืชกระท่อมเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ที่เป็นพืชร่วมยางเพื่อสร้างรายได้ให้แก่ชาวสวนยาง

ทั้งนี้ จะเสนอแนวทางให้การยางแห่งประเทศไทย (กยท.)พิจารณาดังนี้ 1.ให้เกษตรกรชาวสวนยางปลูกแทนตามระเบียบการยางแห่งประเทศไทย แบบที่ 3 คือ เกษตรกรรมยั่งยืน หรือการปลูกยางแบบผสมผสาน มีต้นยางเพียง 40-50 ต้น ซึ่งเกษตรกรชาวสวนยางได้รับงบประมาณสนับสนุนไร่ละ 16,000 บาท จากการยางแห่งประเทศไทยโดยให้เพิ่มรายการพืชกระท่อมเข้าไปเป็นหนึ่งในทางเลือกของเกษตรกร 2.ให้รัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สนับสนุนการปลูกแทนแบบที่ 3 เพื่อให้เกษตรกรชาวสวนยางเปลี่ยนจากการปลูกยางเชิงเดี่ยวมาทำสวนยางยั่งยืนที่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ด้วยการสร้างแรงจูงใจ โดยให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณสนับสนุนการปลูกแทนเพิ่มเติมอีกไร่ละ 10,000 บาท เพื่อปรับปรุงระบบดิน น้ำ ไฟฟ้า และอื่นๆ เนื่องจากพืชกระท่อมเป็นพืชที่ต้องการน้ำ

“ในอนาคตเชื่อว่าพืชกระท่อมจะสามารถเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ของประเทศไทย เนื่องจากสามารถนำไปใช้ประโยชน์ทางด้านการแพทย์ และเครื่องดื่มชูกำลัง โดยเฉพาะการสกัดเอาสารไมตร้าใจนีนในพืชกระท่อมมาใช้ทดแทนการนำเข้ามอร์ฟีนจากต่างประเทศ ซึ่งแต่ละปีมีมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท” นายสุนทร กล่าว 

ข่าวเด่น

ข่าวที่น่าสนใจ