ผบ.ตร.ประชุมด่วนนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ถกรับมือการชุมนุมของกลุ่มต่างๆ ยืนยันการปฎิบัติหน้าที่เป็นไปตามหลักสากลถือว่าเบามากหากเปรียบเทียบกับบางประเทศ
เมื่อวันที่ 15 ส.ค. พล.ต.อ. สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร เดินทางมาเป็นประธานร่วมประชุมกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่เพื่อรับมือสถานการณ์การชุมนุมคาร์ม็อบ-คาร์ปาร์คของกลุ่มต่างๆ ที่นัดชุมนุมกันในวันนี้ ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล
พล.ต.อ. สุวัฒน์ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความระมัดระวังมาโดยตลอด โดยเเนวทางปฏิบัติของสื่อมวลชนจะมีการกำหนดพื้นที่ปลอดภัย เเละจะต้องปฏิบัติหน้าที่นำเสนอข่าวที่ไม่ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เเต่หากสื่ออยู่บริเวณเเนวประทะก็มีโอกาสที่จะได้รับบาดเจ็บ ส่วนกรณีที่หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า การสลายชุมนุมมีความรุนเเรงขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาไม่ได้ใช้ พ.ร.บ.ชุมนุม เเต่เป็นการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่หากตำรวจไม่ทำอะไรเลย ก็จะทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่น ซึ่งกรุงเทพมหานคร เป็นพื้นที่ควบคุมโรคโควิด ห้ามจัดชุมนุม จึงขอให้ตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันโรคระบาด เเละขอให้คำนึงถึงผลกระทบคนทั้งประเทศ
ทั้งนี้ ตำรวจจึงไม่อาจนิ่งเฉยได้ บางครั้งมีการยึดพื้นที่ก่อนการชุมนุม เเต่ก็ทำภายใต้เหตุผลจำเป็น เเละเหมาะสมกับสถานการณ์ ยืนยันว่าการรักษาความสงบเรียบร้อย เจ้าหน้าที่คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ เป็นไปตามมาตรฐานสากล เเละถือว่าเบามาก หากเทียบกับบางประเทศ แต่ทั้งนี้ ไม่ว่าจะระมัดระวังมากเพียงใด หากเกิดความวุ่นวายขึ้น ก็ยากที่จะป้องกันการบาดเจ็บ แม้แต่เจ้าหน้าที่เองก็บาดเจ็บทุกวัน ซึ่งไม่อยากให้เกิดเรื่องเเบบนี้
ผบ.ตร.ยืนยันอีกว่า เจ้าหน้าที่ไม่เคยเริ่มก่อน เว้นแต่ผู้ชุมนุมมีการเผาทำลายทรัพย์สิน หรือทำร้ายเจ้าหน้าที่ก่อน ส่วนการดำเนินคดี มีการจับกุมผู้กระทำผิดไปแล้วกว่า 130 ราย เเละเกือบทั้งหมดได้รับการประกันตัว ซึ่งศาลอนุญาให้ปล่อยตัวชั่วคราว มีเพียงบางส่วนที่ควบคุมตัวไว้ดำเนินคดี ขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ทำตามไปตามหลักนิติรัฐ เเละนิติธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ เเละช่วง 1 ปีที่ผ่านมา มีการดำเนินคดีเกี่ยวกับความมั่นคงไปกว่า 2,000 ครั้ง