ตำรวจนครบาลเตือนคาร์ม็อบรวมตัวทำกิจกรรมไล่"นายฯ"ผิกกฎหมายหลายฉบับ งัดตัวเลขโชว์ดำเนินคดีผู้ฝ่าฝืนแล้ว 541 คดี
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะโฆษก บช.น. พร้อมด้วย พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกตร. ร่วมกันแถลงแจ้งเตือนกลุ่มผู้ชุมนุมคาร์ม็อบ ขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม โดยพล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า บช.น.ขอนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่จำเป็นต่อประชาชน โดยเฉพาะการเตือนผู้ชุมนุมที่มีการชุมนุมในหลายๆ ครั้งว่าการกระทำของท่านในขณะนี้เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ซึ่งอาจถูกดำเนินคดีและได้รับโทษตามกฎหมาย
สำหรับ การชุมนุมในวันนี้มีการนัดหมายในสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ มีจำนวน 5 กลุ่ม ดังนี้ 1.กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมโดยนายพริษฐ์ ชีวารักษ์ หรือเพนกวิน นัดหมายบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ตั้งแต่เวลา 10.30 น. 2.กลุ่มนายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ นัดหมายรวมตัวบริเวณแยกราชประสงค์ ตั้งแต่เวลา 11.00 น. จากนั้นจะเคลื่อนตัวไปที่ถนนวิภาวดีรังสิต 3.กลุ่มคาร์ม็อบ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือบก.ลายจุด นัดหมายถนนวิภาวดีรังสิต ตั้งแต่เวลา 13.00 น. 4.กลุ่มไทยไม่ทน ทำกิจกรรมคาร์ม็อบ นัดหมายหน้าปั๊ม ปตท. เลียบด่วนรามอินทรา จากนั้นจะเดินทางไปสมทบกับกลุ่มคาร์ม็อบของนายสมบัติ และ 5.กลุ่มเครือข่ายนนทบุรีทำกิจกรรมคาร์ม็อบ นัดหมายที่รถไฟฟ้าใต้ดินสถานีพระนั่งเกล้า บริเวณเซ็นทรัลเวสต์เกต จากนั้นจะเดินทางไปที่กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข กรมราชทัณฑ์ ศูนย์ราชการ ก่อนรวมกลุ่มคาร์ม็อบของนายสมบัติที่บริเวณถนนวิภาวดีรังสิต
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า บช.น.ขอเตือนกลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มต่างๆ ว่า ในขณะนี้ พื้นที่ในเขตกรุงเทพมหานคร ถูกประกาศเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด การชุมนุม การรวมตัวหรือการจัดกิจกรรมต่างๆ ตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป หรือจัดกิจกรรมในลักษณะที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อโรค เป็นความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และอาจเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรค นอกจากนี้การชุมนุมในลักษณะคาร์ม็อบ โดยมีการใช้รถจักรยานยนต์ รถยนต์ ขับไปในพื้นที่ต่างๆ โดยมีการบีบแตร ส่งเสียง อาจจะกีดขวางการจราจร หรือก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น จะเป็นความผิดตามกฎหมายอีกส่วนหนึ่งด้วย
ทั้งนี้ การชุมนุมในวันที่ 31 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ของกลุ่มอาชีวะพิทักษ์ประชาชน เพื่อประชาธิปไตย ที่มีการรวมตัวกันใน 4 สถานที่หลัก ก่อนจะมารวมตัวกันที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เคลื่อนตัวไปที่บริเวณแยกราชประสงค์ และอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กระทั่งเวลา 18.24 น. มีการประกาศ ยุติการรวมตัวกัน ทาง พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น.สั่งการให้สถานีตำรวจที่เกี่ยวข้อง ทั้ง สน.มีนบุรี สน.สำราญราษฎร์ สน.ลุมพินี สน.พญาไท ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน และให้ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้กระทำผิดทั้งหมดทุกราย ซึ่งขณะนี้สามารถพิสูจน์ทราบ ผู้กระทำผิดได้กว่า 30 ราย ที่อยู่ในข่ายต้องถูกดำเนินคดี
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า การดำเนินคดีในห้วงที่ผ่านมา ตั้งแต่มีการชุมนุมในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร บช.น. ดำเนินคดีทั้งสิ้น 279 คดี สอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว 194 คดี อยู่ระหว่างการสอบสวน 85 คดี ทาง พล.ต.ท.ภัคพงศ์ ยืนยันว่าทุกความผิด ที่เกิดขึ้นในกรุงเทพมหานคร เมื่อมีการกระทำผิดมีการเริ่มนับหนึ่งแล้ว กระบวนการสอบสวนจะต้องดำเนินการต่อไปจนกระทั่งคดีถึงที่สุด ทางบช.น.จึงอยากเตือนกลุ่มผู้ชุมนุมต่างๆ การชุมนุม การรวมตัว หรือการจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อโรคเป็นความผิดตามกฎหมาย
ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า สำหรับตัวเลขการดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง ตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม 2563 ซึ่งมีตัวเลขในภาพรวมทั่วประเทศ มีการดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงไปแล้ว 514 คดี แบ่งเป็นคดีที่อยู่ในความรับผิดชอบของกองบัญชาการตำรวจนครบาล 279 คดี และอยู่ในความรับผิดชอบของกองบัญชาการอื่นๆ อีก 235 คดี ซึ่งสอบสวนเสร็จสิ้นแล้วส่งไปอยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยที่เกี่ยวข้องทั้งพนักงานอัยการ และเปรียบเทียบปรับในชั้นพนักงานสอบสวน รวมทั้งสิ้น 301 คดี ยังอยู่ในชั้นพนักงานสอบสวน 213 คดี