ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้ประหารชีวิตผอ.กอล์ฟ อดีตผอ.โรงเรียนก่อเหตุฆ่า 3 ศพชิงทองในจ.ลพบุรี เหตุเกิดเมื่อปี 63 ชี้พฤติการณ์โหดร้ายขัดต่อหลักความสงบและไร้มนุษยธรรม
เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอุทธรณ์ได้อ่านคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการและผู้เสียหายอีก 7 คน เข้าร่วมเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายประสิทธิชัยเขาแก้ว หรือ ผอ.กอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนที่ก่อเหตุชิงทอง เป็นจำเลย ฐานฆ่าผู้อื่นเพื่อความสะดวกในการเตรียมการกระทำความผิดอย่างอื่นและเพื่อหลบหนี พยายามฆ่าผู้อื่นมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาต มีอุปกรณ์จุดรับปัจจัยที่เจ้าพนักงานไม่สามารถอนุญาตให้มี (เครื่องเก็บเสียงหรือไซเรนเซอร์) และข้อหาชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยใช้ยานพาหนะ กรณีจี้ร้านทองออโรร่า สาขาห้างโรบินสัน จ.ลพบุรี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2563 คดีนี้ผู้เสียหายได้ยื่นคำร้องเรียกค่าสินไหมทดแทนทั้งหมดโดยเป็นจำนวนแตกต่างกันไปโดยเรียกดอกเบี้ยร้อยละ 7.5
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อเดือนสิงหาคม 2563 ว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้องเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทลงโทษบทหนักให้ประหารชีวิต จำเลยได้ยื่นอุทธรณ์ขอให้ลดโทษโดยก่อนหน้านี้จำเลยได้ชดใช้เงินบางส่วนให้กับผู้เสียหายเพื่อบรรเทาผลร้ายไปแล้ว และศาลมีคำพิพากษาส่วนแพ่งให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทน ตามที่โจทก์เรียกร้องศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยได้ขอให้ลดโทษแต่ว่าข้อหาอาวุธปืนจำเลยไม่ยื่นอุทธรณ์ข้อเท็จจริงยุติไปตามศาลชั้นต้น คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า จำเลยได้กระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นเพื่อเตรียมการเพื่อการกระทำความผิดของตนตามมาตรา 289 (6)แห่งประมวลกฎหมายอาญาหรือไม่ เรื่องนี้แม้จำเลยไม่ยื่นอุทธรณ์ในข้อหาฆ่าผู้อื่นและข้อหาชิงทรัพย์แต่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 245 วรรค 2 เป็นบทบัญญัติให้ศาลอุทธรณ์ต้องพิจารณาอีกครั้งว่า จำเลยกระทำความผิดหรือไม่แม้จำเลยจะไม่ติดใจอุทธรณ์ก็ตาม เห็นว่าในวันเกิดเหตุ ได้เกิดเหตุมีคนร้ายสูง 170 เซนติเมตร สวมหมวกไหมพรมสีดำ สวมเสื้อยืดแขนยาวสีดำกางเกงลายพรางทหาร มีเป้สีขาวแดงคาดไว้ด้านหน้าขี่รถจักรยานยนต์ฟีโน่รุ่นปี 2009 สีดำแดงเข้าไปในห้างสรรพสินค้าโรบินสันลพบุรี จากนั้นได้ใช้อาวุธปืนติดเครื่องบังคับเสียงให้เบาลงผิดกว่าปกติยิงนายประเสริฐ คงลี โจทก์ร่วมที่ 1 ซึ่งเป็น รปภ. กระสุนได้ทะลุใส่เด็กชายภาณุวิชญ์ ส่งอยู่ ถึงแก่ความตาย จากนั้นคนร้ายได้เข้าไปที่ร้านทองออโรร่าโจทก์ร่วมที่ 1 แล้วใช้อาวุธปืนยิงนายยุทธการ ชุนสนิท กับนางวิภาวดี ชุนสนิท โจทก์ร่วมอีก 2 คนขณะกำลังเลือกซื้อทอง
นอกจากนั้น จำเลยยังได้ใช้อาวุธปืนยิงนางสาวธิดารัตน์ ทองทิพย์ พนักงานขายถึงแก่ความตาย และยิงนางสาวเปมิกา กลิ่นดอกแก้ว พนักงานได้รับบาดเจ็บ จากนั้นคนร้ายได้ทุบตู้ทองเอาทองขนาด 1 บาทไป 22 เส้น ขนาด 2 สลึง 11 เส้นแล้วกระโดดลงมามีนายธีรฉัตร นิ่มมา รปภ.ของห้างได้ไปปิดประตูอัตโนมัติแล้วหลบหนีเข้าไปในร้านอาหารคนร้ายได้ตามไปใช้อาวุธปืนยิงถึงแก่ความตาย จากนั้นได้ทุบประตูหลบหนีออกไปได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เก็บปลอกกระสุน 13 ปลอก เก็บลายนิ้วมือรอยรองเท้าและพิสูจน์ DNA จากหมวกไหมพรมพบว่าจำเลยคือคนร้ายรายนี้จึงได้เข้าจับกุมพร้อมยึดของกลางซึ่งอาวุธปืนเป็นของบิดาของจำเลย ส่วนรถจักรยานยนต์เป็นของพ่อตาของจำเลย จากการตรวจดีเอ็นเอทั้งหมดพบว่ามีร่องรอยตรงกับพันธุกรรมของจำเลยคดีจริงฟังได้ว่าจำเลยเป็นคนร้ายกระทำความผิดในครั้งนี้
แม้จำเลยได้พยายามบรรเทาผลร้ายด้วยการมอบเงินค่าเสียหายให้แก่ผู้ได้รับความเสียหายจากคดีนี้ แต่เห็นว่าพฤติการณ์ของจำเลยเป็นการกระทำโดยทารุณโหดร้ายขัดต่อหลักความสงบและไร้มนุษยธรรมอีกครั้งเป็นเรื่องร้ายแรงที่ศาลล่างพิพากษาให้ประหารชีวิตจำเลย ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วยอุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้นจึงพิพากษายืน ส่วนค่าสินไหมทดแทนที่ผู้เสียหายเรียกร้องมานั้นเห็นว่าในระหว่างพิจารณาในชั้นศาลอุทธรณ์ได้มีการแก้ไขดอกเบี้ยผิดนัดจากร้อยละ 7.5 เป็นร้อยละ 3 และบวกอีกได้ไม่เกินร้อยละ 2 จึงพิพากษาให้ค่าเสียหายที่เป็นส่วนดอกเบี้ยเป็นไปตามกฎหมายที่แก้ไขใหม่ นอกจากนั้นพิพากษาไปตามเดิม.
สำหรับการอ่านคำพิพากษาในวันนี้เป็นการอ่านทางระบบ Video Conference