ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่คำสั่งศบค.เพิ่ม 3 จังหวัด ชลบุรี ฉะเชิงเทรา พระนครศรีอยุธยา เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เคอร์ฟิว 3 ทุ่มถึงตี 4 กำหนดเวลาเปิดปิดกิจการ งดออกนอกเคหสถานโดยไม่จำเป็นเริ่ม 20 ก.ค.
เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 64 ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ที่ 10/2564 เรื่อง พื้นที่สถานการณ์ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด พื้นที่ควบคุมสูงสุด พื้นที่ควบคุม และพื้นที่เฝ้าระวังสูง ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 โดยมีสาระสำคัญดังนี้
-เพิ่มพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดเป็น 13 จังหวัด ดังนี้ 1.กรุงเทพมหานคร 2.ฉะเชิงเทรา 3.ชลบุรี 4.นครปฐม 5.นนทบุรี 6.นราธิวาส 7.ปทุมธานี 8.ปัตตานี 9.พระนครศรีอยุธยา 10.ยะลา 11.สงขลา 12.สมุทรปราการ 13.สมุทรสาคร
-ให้ประชาชนในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุด งดเว้นการเดินทางออกนอกเคหสถานโดยไม่จำเป็น สำหรับการเดินทางไปบางกรณีที่จำเป็น เช่น การเดินทางเพื่อจัดหาเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต อาหาร ยาหรือเวชภัณฑ์ การเดินทางเพื่อพบแพทย์ เพื่อเข้ารับบริการทางการแพทย์และสาธารสุข การรักษาพยาบาล การรับวัคซีนป้องกันโรค หรือมีความจำเป็นเพื่อปฏิบัติงานหรือการประกอบอาชีพที่ไม่สามารถปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งได้ สามารถกระทำได้แต่ต้องพึงใช้ความระมัดระวังการป้องกันตนเองอย่างเคร่งครัด
-กำหนดพื้นที่ห้ามออกนอกเคหสถานเพิ่มเติม โดยห้ามบุคคลใดในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 13 จังหวัด ออกนอกเคหสถานในระหว่างเวลา 21.00 น. ถึง 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ต่อเนื่องเป็นระยะเวลาอย่างน้อยสิบสี่วันนับแต่วันที่ข้อกำหนดฉบับนี้ใช้บังคับ
-จุดตรวจ ด่านตรวจ จุดสกัดในเส้นทางคมนาคมเข้าออกพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เพื่อคัดกรอง ชะลอ หรือสกัดกั้นการเดินทางออกนอกเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เพื่อเดินทางไปยังพื้นที่อื่น
-มาตรการควบคุมแบบบูรณาการเร่งด่วนเฉพาะในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
1.ร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม ให้เปิดดำเนินการได้จนถึงเวลา 20.00 น. โดยห้ามบริโภคในร้าน และให้ดำเนินการเฉพาะการนำกลับไปบริโภคที่อื่นเท่านั้น
2.ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ หรือสถานประกอบการอื่น ที่มีลักษณะคล้ายกัน ให้เปิดได้เฉพาะแผนกซูเปอร์มาร์เก็ต แผนกยาและเวชภัณฑ์ พื้นที่ซึ่งจัดให้เป็นการให้บริการฉีดวัคซีนหรือบริการทางการแพทย์ โดยให้เปิดดำเนินการได้จนถึงเวลา 20.00 น.
3.โรงแรมให้เปิดดำเนินการได้ตามเวลาปกติ โดยให้งดกิจกรรมจัดการประชุม การสัมมนา หรือการจัดเลี้ยง
4.ร้านสะดวกซื้อ และตลาดสด ให้เปิดได้จนถึงเวลา 20.00 น. โดยจำกัดเวลาสำหรับร้านสะดวกซื้อที่ตามปกติเปิดให้บริการในช่วงเวลากลางคืน ให้ปิดบริการระหว่าง 20.00 น. - 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น
5.โรงเรียน สถาบันการศึกษาหรือฝึกอบรม และสถานศึกษาต่างๆ ให้ปฏิบัติตามมาตรการที่ประกาศไว้แล้วก่อนหน้านี้
สำหรับการดำเนินการของโรงพยาบาล สถานพยาบาล คลินิกแพทย์รักษาโรค ร้านขายยา ร้านค้าทั่วไป โรงงาน ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกรรมการเงิน ธนาคาร ตู้เอทีเอ็ม ธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม ไปรษณีย์และพัสดุภัณฑ์ ร้านจำหน่ายอาหารสัตว์ ร้านขายยาและเวชภัณฑ์ ร้านจำหน่ายเครื่องมือช่างและอุปกรณ์ก่อสร้าง ร้านจำหน่ายสินค้าเบ็ดเตล็ดอันจำเป็น สถานที่จำหน่ายแก๊สหุงต้ม เชื้อเพลิง ปั๊มน้ำมัน ปั๊มแก๊ส รวมทั้งบริการส่งสินค้าและอาหารตามสั่ง (delivery online) ยังคงเปิดดำเนินการได้ตามความจำเป็น โดยให้ผู้เกี่ยวข้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด
พุ่งต่อเนื่อง!ไทยป่วยโควิดเพิ่ม11,397 ราย ตายอีก101หมอนิธิแนะเปลี่ยนวิธีรายงานตัวเลขโควิด ลดอารมณ์สังคม เกิดปัญญาหาทางรอดด้วยกัน-ห้ามกิจกรรมซึ่งมีการรวมกลุ่มกันของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่า 5 คน โดยให้หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนจัดการอบรม สัมมนา หรือการประชุมโโยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก
-ส่วนราชการและหน่วยงานรัฐ ปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งขั้นสูงสุดเต็มจำนวน รวมทั้งให้งดกิจกรรมที่ส่งผลให้เกิดการรวมกลุ่มหรือเคลื่อนที่ของคนจำนวนมาก เช่น การจัดประชุม สัมมนา การจัดสอบ หรือจัดฝึกอบรม
การปฏิบัติงานของภาคเอกชน จำเป็นต้องให้เจ้าหน้าที่และบุคลากรปฏิบัติตามมาตรการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งขั้นสูงสุดเช่นเดียวกัน
-ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 20 ก.ค. 64 เป็นต้นไป