'ไกอะคอร์ปอเรชั่น'ยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโรงงานผลิตถุงมือทางการแพทย์ไม่ได้มาตรฐานในจ.ชลบุรี เตรียมสู้คดีหลังเสียชื่อเสียง
นายชูอิชิ โอซาวา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไกอะคอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากกรณีตำรวจได้เข้าตรวจค้นโรงงานแห่งหนึ่งใน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี และระบุว่า บริษัท ไกอะคอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้เช่าสถานที่ เมื่อตรวจสอบข้อมูลการขออนุญาต ไม่พบว่าบริษัทฯดังกล่าวได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสถานประกอบการตาม พ.ร.บ.เครื่องมือแพทย์ พ.ศ.2551 และได้มีการลักลอบเปิดเป็นโรงงานผลิตและจำหน่าย ถุงมือทางการแพทย์โดยไม่ได้รับอนุญาต และเป็นถุงมือทางการแพทย์ที่ไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานมาบรรจุใส่กล่องใหม่ที่เป็นยี่ห้ออื่นเกรดมาตรฐานสากล เพื่อหลอกขายลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ทั้งนี้ จากประเด็นข่าวดังกล่าวส่งผลกระทบในด้านความเชื่อมั่นของ บริษัท ไกอะฯ เนื่องจากทางเราเป็นบริษัทที่ตั้งอยู่หลายประเทศทั่วโลก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบริษัทจึงขอชี้แจงว่า โรงงานดังกล่าวนั้น บริษัท ไกอะฯ เป็นผู้เช่าสถานที่ตามที่รายงานข่าวจริงโดยเช่าจากบริษัทแห่งหนึ่ง แต่ บริษัท ไกอะฯ ยังไม่เคยเข้าไปประกอบธุรกิจหรือเข้าไปใช้พื้นที่ที่บริษัทฯทำการเช่าที่ดินแม้แต่ครั้งเดียว เนื่องจาก บริษัท ผู้ให้เช่า ยังไม่ได้ส่งมอบพื้นที่การเช่าให้กับ บริษัท ไกอะฯ แต่อย่างใด ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นโกดังในหมู่ 11 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี และพบถุงมือทางการแพทย์ ที่มีการกล่าวหาว่า ผิดกฎหมายนั้น บริษัทฯขอชี้แจงว่า โกดังดังกล่าวบริษัทฯไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง และไม่ได้มีการเช่าพื้นที่ดังกล่าวแต่อย่างใด นายชูอิชิ กล่าว
นายชูอิชิ กล่าวว่า ข้อมูลที่มีการเผยแพร่ข่าวในสื่อต่าง ๆ ในช่วงที่ผ่านมา บริษัท ไกอะฯ ขอยืนยันว่าบริษัทฯไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจากเหตุการณ์ดังกล่าวทางบริษัทได้รับความเสียหายด้านชื่อเสียง และความน่าเชื่อถือทางธุรกิจ ขณะนี้ทางบริษัท ไกอะฯ ได้มีการปรึกษากับทีมกฎหมายเพื่อชี้แจงความเป็นมาของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และประเมินความเสียหายของบริษัทที่ได้รับจากกรณีดังกล่าว พร้อมทั้งจะดำเนินการทางกฎหมายอย่างถึงที่สุด
อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทไกอะ ฯได้ตั้งทีมทนายจากสำนักงานนิรันดร์และเพื่อนในฐานะที่ปรึกษากฏหมายเป็นผู้ดูแลเรื่องนี้ ซึ่งทีมทนายความได้กล่าวเพิ่มเติมว่าทางบริษัทไกอะฯ เองคงไม่เอาชื่อเสียงไปเสี่ยงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแน่นอน เนื่องจากบริษัทไกอะฯ มีต้นทุนทางธุรกิจสูง และที่สำคัญอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสอบสวน สืบสวนความจริงให้ชัดเจน เพราะบริษัทไกอะฯไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด ซึ่งทางทีมทนาย ยังบอกอีกว่าจะมีแนวทางในการดำเนินคดีตามกฏหมายกับทาง บริษัท ที่ให้เช่าพื้นที่ได้บอกเลิกสัญญาโดยอ้างว่ามีบุคคลที่ 3 เข้าไปใช้พื้นที่ต่อไป