พรรคเพื่อไทยอารมณ์ค้างพรบ.เงินกู้ 5 ล้านนายฯตอบไม่ตรงคำถามใช้เทคนิคถามม้าตอบช้างไม่ตอบสาระสำคัญ จี้จับตากองทัพเรือยืนยันซื้อเรือดำน้ำในยุคประชาชนลำบากยากแค้นจากโควิด
เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย ร่วมแถลงข่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ โดย นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า ในการประชุมของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 นั้น เราเริ่มประชุมกันตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยเริ่มจากภาพรวมของเศรษฐกิจไทย ซึ่งกมธ.ได้เชิญปลัดกระทรวงการคลัง เลขาสภาพัฒน์ฯ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ มาชี้แจง ทางสภาพัฒน์ได้ยืนยันว่าแนวโน้มการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 65 อยู่ที่ร้อยละ 4-5 ส่วนงบฯปี 65 ทั้งหมด 3.1 ล้านล้านบาท หน่วยจัดเก็บ ทางกระทรวงการคลังยืนยันว่าจะจัดเก็บได้ตามเป้า ส่วนงบฯปี 64 ที่กำลังใช้อยู่ในปัจจุบันนั้น กระทรวงการคลังคาดว่าจะจัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าที่วางไว้ สัปดาห์นี้เราจะพิจารณากันในส่วนของการตั้งอนุกมธ.ทั้ง 8 คณะ และจะมีการพิจารณาในส่วนของกระทรวงการคลังต่อ จากนั้นจะป็นกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.ที่ผ่านมา กองทัพเรือได้มีการออกเฟซบุ๊กแฟนเพจตั้งเฟซบุ๊กเกี่ยวกับเรือดำน้ำ ชื่อ “เรือดำน้ำไทย Thai submarince” โดยเนื้อหายอมรับว่ามีการตั้งงบฯเพื่อจัดซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำนี้จริง ขณะที่ในร่างพ.ร.บ.งบฯ ไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับเรือดำน้ำเหล่านี้ มีเพียงระบุว่าเป็นงบฯผูกพัน แต่เพจกลับมีข้อมูลต่างๆเหล่านี้ โดยระบุว่ามีความจำเป็นเนื่องจากกองทัพเรือไม่มีเรือดำน้ำ เพราะที่ผ่านมาซื้อมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ผมขอเรียนว่า ขณะนี้ประเทศมีปัญหา เราเจอวิกฤติจากโควิด-19 เราไม่มีเงินที่จะซื้อ เรายังต้องไปกู้เงินมาใช้จ่าย แล้วเรือดำน้ำมีความจำเป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับชีวิตคน และความอดอยากของพี่น้องประชาชน ถ้ากองทัพเรือยืนยันว่าเรือดำน้ำมีความจำเป็นเร่งด่วน ผมขอท้าให้กองทัพเรือไปทำโพลให้พี่น้องประชาชนที่เป็นเจ้าของเงินชี้มาเลยว่า เรือดำน้ำมีความจำเป็นหรือไม่ จะใช้มหาวิทยาลัยที่เป็นกลาง หรือสื่อมวลชนที่เป็นกลางทำก็ได้ จะได้เห็นว่า ที่กมธ.คัดค้านไม่ได้มีอคติต่อกองทัพเรือ” นายยุทธพงศ์ กล่าว
นายยุทธพงษ์ กล่าวว่า การอภิปราย พ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท ที่ผ่านสภาฯไปเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายกฯตอบไม่ตรงคำถาม ใช้เทคนิคถามม้า ตอบช้าง และไม่ตอบสาระสำคัญ พรรคร่วมฝ่ายค้านระบุว่าเป็นการตีเช็คเปล่าให้นายกฯ ไม่มีรายละเอียดในการใช้เงิน มีเนื้อหาเพียง 3 บรรทัดว่า เพื่อแก้ไขเยียวยาฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมจากไวรัสโควิด-19 ใช้ในการแพทย์และสาธารณสุข 3 หมื่นล้านบาท ช่วยเหลือเยียวยาประชาชนและเกษตรกร 3 แสนล้านบาท และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม 1.7 แสนล้านบาท นอกนั้นไม่บอกรายละเอียด ไม่บอกอะไรเลย ขณะที่เงินกู้ 1 ล้านล้านบาทของเก่ายังใช้ไม่หมด เหลืออยู่ 2.9 แสนล้านบาท ขณะเดียวกันรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังก็ยอมรับว่าเงินที่กู้มาใหม่จำนวน 5 แสนล้านบาทนี้ จะใช้ได้เร็วสุดเพียง 1 แสนล้านบาท ในช่วงสิ้นปีงบประมาณ 30 ก.ย.นี้ ฝ่ายค้านเสนอให้ออกเป็นงบฯกลางปี เพื่อให้สามารถตรวจสอบได้ก็ไม่ยอมทำ และแทนที่นายกฯจะมาตอบคำถามส.ส. กลับมาข่มขู่ ส.ส. มาบอกว่าดีที่ส.ส.มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง ถ้าพูดข้างนอกให้ระวังด้วยก็แล้วกัน ตนมองว่านายกฯสอบตก เพราะรายละเอียดไม่พูด พูดแต่สำนวนโวหาร แล้วไปพูดเรื่องส.ส.พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เอาผู้ต้องหามาสู้คดี แต่ไม่ตอบคำถามที่ฝ่ายค้านถามเกี่ยวกับการใช้เงิน และการจัดหาวัคซีนเลย
ด้านนายจิรพงษ์ กล่าวว่า คนที่มีฐานะสามารถไปฉีดวัคซีนในต่างประเทศได้ แต่นั่นเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่ท่านทำได้ แต่ชนชั้นกลาง และชนชั้นล่างของประเทศกลับไม่มีสิทธิเลือกวัคซีนได้เลย คนที่ป่วยยังต้องไปนอนโรงพยาบาลสนาม สะท้อนให้เห็นความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยได้อย่างชัดเจน ทั้งนี้ รัฐบาลพยายามฉีดวัคซีนให้ประชาชน แต่จำนวนการฉีดวัคซีนให้ประชาชนกลับลดลงเรื่อยๆอย่าง่อเนื่อง จนหมอชนบทออกมาแนะนำให้รัฐบาลออกมาพูดความจริงว่าวัคซีนไม่เพียงพอ เจ้าหน้าที่ก็เครียดเพราะกังวลเรื่องการถูกเพ่งโทษ ขณะที่บุคลากรทางการแพทย์ไม่ได้รับเบี้ยเลี้ยง ไม่สามารถเบิกเบี้ยเลี้ยงได้ ให้ใช้งบฯจากโรงพยาบาลไปพลางก่อน ตนจึงขอเรียกร้องให้เงินจากการกู้เงินนี้ขอให้นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วย