THAI NEWS

โดย กองบรรณาธิการ M2F

30 พฤษภาคม 2564 : 15:18 น.

อดีตผอ.สถาบันวัคซีนแห่งชาติคนแรกเกิดรอยด่างหากปล่อยให้การเข้าถึงวัคซีนแบบไม่เท่าเทียม ตั้งคำถามรัฐบริหารวัคซีนเกรงขัดรัฐธรรมนูญเข้าข่ายประชาธิปไตยแบบมือใครยาวสาวได้สาวเอา

เมื่อวันที่ 30 พ.ค. นพ.จรุง เมืองชนะ อดีต ผอ.สถาบันวัคซีนแห่งชาติคนแรก ได้เขียนบทความและโพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว เรื่อง “จุดด่างพร้อย หากปล่อยให้การเข้าถึงวัคซีนไม่เท่าเทียม” มีเนื้อหาระบุว่า มีมิตรสหายบางท่านขอให้ผมเขียนบทความแนะรัฐบาลและประชาชน, ในฐานะผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติคนแรก ซึ่งได้วางรากฐานเรื่องความมั่นคงด้านวัคซีนของไทยและอาเซียนไว้เมื่อไม่กี่ปีมานี้ ก่อนโควิด-19 ระบาด

ผมไม่เคยอยากแนะนำ แต่กลับเห็นใจรัฐบาลชุดนี้มากมาย. ตั้งแต่เริ่มต้นระบาด ผมทึ่งที่นายกรัฐมนตรีกล้าตัดสินใจ ทุ่มเททรัพยากรเพื่อให้ได้มาซึ่งวัคซีนอย่างเต็มที่ ครอบคลุมทุกตัวคนที่ควรจะได้รับ, ทั้งลุยซื้อ, ให้ทุนวิจัยและผลิตในประเทศ วางฐานการพึ่งตนเองในระยะยาว รวมเป็นเม็ดเงินก้อนใหญ่เพื่อวัคซีน อย่างไม่เคยเป็นมาก่อนในประวัติศาสตร์ไทย.

ต้องยอมรับ ว่าไม่ใช่แค่ราคาคุย. เป็นแผนอันแยบยล, ท่านทราบไหม ทุนที่รัฐบาลให้แล้ว ครอบคลุมไปถึงการร่วมมือกับภาคเอกชนเตรียมพร้อมผลิตวัคซีนสายพันธุ์ใหม่(Variants)กันเลยทีเดียว ... ผมเชื่อว่าไม่กี่ประเทศที่แยบคายเช่นนี้.

แทนคำชม ... รัฐบาลกลับถูกโจมตีอย่างหนักหน่วงจากฝ่ายตรงข้าม และคนไม่เข้าใจ หรือพวกฉวยโอกาส ทั้งหลายแหล่. เสียงด่าทอ คำสบประมาท เปรียบเปรย ที่เจ็บแสบ ... ล้วนย้ำและสะท้อนชัด ว่าชาวสยามที่รู้จักวัคซีนในทุกมิติและรอบด้าน มีน้อยนัก ทุกระดับ.

แต่ถ้ามองในแง่ดี คงเป็นสถานการณ์เหมาะสุด ๆ ที่หน่วยงานผู้รับผิดชอบ จะใช้โอกาสทองที่คนไทยตื่นตัว สนใจเรื่องวัคซีน เพื่อจัดการให้ความรู้อย่างรอบด้านเกี่ยวกับความมั่นคงด้านวัคซีน ชี้ให้เห็นกระบวนการวิจัยพัฒนา การผลิต การตลาด และการแย่งชิงวัคซีนในระดับโลก ตลอดจนการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคที่ดี มีมาตรฐาน และศักยภาพของไทยที่มีมากมาย พร้อมพัฒนา.

ประชาชนจะเป็นแรงสนับสนุนสำคัญ ผลักดันแผนยุทธศาสตร์วัคซีนแห่งชาติ 20 ปี ที่กรรมการวัคซีนแห่งชาติเห็นชอบมากว่าครึ่งทศวรรษก่อนหน้านี้ และเดินหน้ากันมาหลายปีแล้ว ให้พุ่งฉิว.

ในตอนนั้น บางคนบอกว่าหมอจรุงเว่อร์ สร้างฝันที่เป็นไปไม่ได้ ตลกกับเป้าที่ตั้ง ว่า "ไทยจะพัฒนาวัคซีนมุ่งสู่สากล" และพยายามผลักดันให้ทุกประเทศในเอเซียอาคเนย์ร่วมมือกัน จนได้บรรจุเป็นเรื่องหนึ่ง ในอาเซียนอเจนด้า. หากรัฐบาลมุ่งมั่นเช่นนี้ ความสำเร็จมันอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม.

สำหรับภาคประชาชน สิ่งที่ผมกังวลไม่ใช่เรื่องการไม่ยอมฉีดวัคซีน เพราะจากประสบการณ์ทำงานด้านนี้มานานพอควร, ไทยได้รับการยอมรับจากนานาชาติในความสำเร็จของการควบคุมป้องกัน การกำจัด และกวาดล้างโรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน มาอย่างยาวนาน.

ผมเชื่ออย่างสุดใจ ว่าความสำเร็จนี้ เกิดจากการที่คนไทยยังเชื่อหมอ พยาบาล และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข, ทำให้ปัญหาไม่รับ เมินวัคซีน แก้ได้ไม่ยาก ไม่เกินกำลังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง, เพียงแต่ต้องสื่อสารในหลายรูปแบบ ตรงไปตรงมา ทำทุกระดับ เอาจริงเอาจัง มีมาตรฐาน โดยใช้ข้อมูลฐานความจริง ดั่งที่เคยทำมาแล้วในอดีต.

วัคซีน ยา วิธีการรักษาโรค และผลิตภัณฑ์สุขภาพเกือบทั้งหมด โดยหลักแล้วผู้บริโภคมิสามารถเลือกได้เอง และไม่ควรทำ เพราะเป็นสินค้าที่ต้องใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ซับซ้อน ประชาชนควรบริโภคสินค้าเหล่านี้ตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญหรือคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง. ยังไม่ต้องลงลึกถึงอิมมูโนวิทยา แค่ประเด็นประสิทธิภาพ(Efficacy/effectiveness)และความปลอดภัย(Safety)ของวัคซีน ผมเชื่อว่ากว่า 80% ประชาชนไม่เข้าใจ ถึงจะเข้าฟังสัมมนาสัก 1 สัปดาห์ก็ตาม.

สิ่งที่โคตรกังวล คือ ปัจจุบันนี้ หลายภาคส่วน เรากำลังผลักดัน ทำให้การเข้าถึงวัคซีนเกิดความไม่เท่าเทียมขึ้นในสังคม ใช่หรือไม่. ซ้ำเติมปัญหาเดิม ๆ ที่น่าอาย, ประเทศไทยประสบความล้มเหลวอันดับต้น ๆ ของโลก ในการสร้างความเท่าเทียมทางเศรษฐกิจ สังคม และอื่น ๆ อีกหลายด้าน, จน GINI index ตัวชี้วัดความไม่เท่าเทียมในสังคม ถ่างแล้ว ถ่างอีก.

การให้สิทธิประชาชนคนมีตังค์ สามารถซื้อวัคซีนโควิดเองได้ ย่อมเข้าถึงวัคซีนได้เร็วกว่า ตามกลไกตลาด เด็กมัธยมก็เข้าใจ, ซ้ำยังเลือกชนิดวัคซีนได้อีก ทั้งที่ป้องกันโรคเดียวกัน, ทำให้ผมต้องถามตัวเองเหมือนกัน ว่ามันขัดกับหลักรัฐธรรมนูญหรือไม่ ที่กำหนดไว้ว่ารัฐต้องให้ประชาชนได้รับการป้องกันโรคพื้นฐานเท่าเทียมกัน.

นั่นหมายถึงว่า หากผมจน เป็นชาวบ้าน คนธรรมดาไม่มีเงินซื้อวัคซีนเอง, ผมต้องยืดเวลาเสี่ยงตายจากโรคโควิด รอวัคซีน ต่อไปอีก และต้องทนกลัวพิษภัยจากวัคซีน เพราะไม่มีสิทธิเลือก, เมื่อเทียบกับคนอีกกลุ่ม ใช่หรือไม่.

ถ้าปล่อยให้เป็นเช่นนี้ ประชาชนคนส่วนใหญ่(จน)คงต้องนอนก่ายหน้าผาก ครุ่นคิด น้อยเนื้อต่ำใจ จัดตนเองเข้าไปเป็นประชาชนชั้นสองอย่างจำใจ.

อยากถามดัง ๆ ว่า รัฐ สังคม หรือประชาชนผิด หากปล่อยให้การเข้าถึงวัคซีนไม่เท่าเทียมกันเช่นนี้. นี่หรือครับประชาธิปไตยที่เราใฝ่ฝัน. มือใครยาว สาวได้ สาวเอา

      

ข่าวเด่น

ข่าวที่น่าสนใจ