ตำรวจกองปราบตามรวบได้ยกแก๊งเครือข่ายโรแมนซ์สแกมสื่อรักออนไลน์สุดท้ายกลายเป็นโจรมีสาวไทยตกเป็นเหยื่อโอนเงินเพราะรักหลายราย พบทำงานเป็นทีมเครือข่ายใหญ่เช็คบัญชีธนาคารพบปีเดียวมีเงินหมุนเวียนกว่า 200 ล้าน
เมื่อวันที่ 25 พ.ค. ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.3 บก.ป. พ.ต.ต.ณัฐดนัย สีแข่ไตร สว.กก.3 บก.ป. ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการบุกทลายเครือข่ายโรแมนซ์สแกม สื่อรักออนไลน์ สุดท้ายเป็นโจร เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 7 จุด ในพื้นที่กทม. จ.นครสวรรค์, จ.ภูเก็ต และ จ.ปทุมธานี จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาร่วมขบวนการดังกล่าวได้จำนวน 6 คน ประกอบด้วย น.ส.ปุณยวีร์ ชูสินจิรพัฒน์ อายุ 46 ปี นายอูโซซูกะวู หรือ Mr.Ezeneche Uzochukwu Jerome อายุ 44 ปี สัญชาติไนจีเรีย น.ส.ศศิธร นวลแก้ว อายุ 22 ปี นายสุดใจ กำนนท์ อายุ 34 ปี นายทศพล ศิริปรุ อายุ 33 ปี และ นายนิรันดร เทียนถาวร อายุ 29 ปี
ทั้งนี้ ทั้งหมดเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และร่วมกันทุจริตหรือหลอกลวงโดยนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ ประการที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน” จับได้พร้อมของกลาง รถมิตซูบิชิ ปาเจโร่ สปอร์ต ป้ายแดง จำนวน 1 คัน เงินสด จำนวน 906,000 บาท โทรศัพท์มือถือ จำนวน 7 เครื่อง บัญชีธนาคาร จำนวน 18 เล่ม เครื่องประดับ 45 รายการ, นาฬิกาข้อมือ 11 เรือน เครื่องประดับลักษณะคล้ายงาช้าง จำนวน 2 ชิ้น บัตรกดเงินอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 11 ใบ
พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อปลายปี 2563 ได้มีผู้เสียหายเข้าร้องเรียนกับทาง พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก. ว่าถูกแก๊งโรแมนซ์สแกม ดังกล่าวหลอกเงินไปเป็นจำนวนกว่า 1 ล้านบาท จึงสั่งการให้ชุดจับกุมตรวจสอบข้อเท็จจริง จนทราบว่าแก๊งดังกล่าวทำกันเป็นขบวนการ มีผู้ร่วมกระทำผิดหลายรายทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเริ่มแรกจะเปิดบัญชีแอคเคาท์อินสตราแกรม ใช้ชื่อว่า Mr.Lanny Gray ติดต่อไปหาผู้เสียหาย ทำทีตีสนิทในเชิงชู้สาว อ้างตัวเป็นนักธุรกิจสัญชาติอเมริกา วัยเกษียณ ทำงานอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย เมื่อเริ่มสนิทสนมกันจึงเปลี่ยนไปพูดคุยผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์เพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ รวมถึงส่งข้อความในเชิงให้ความหวังว่า จะเดินทางมาใช้ชีวิตร่วมกันกับผู้เสียหายที่ประเทศไทย จนผู้เสียหายเกิดความเชื่อใจ จากนั้นก็จะทำทีอ้างว่าได้ส่งของมีค่า เช่น กระเป๋าเดินทาง หรือ กล่องพัสดุ ที่ภายในบรรจุทรัพย์สินมีค่าสำคัญหลายอย่างมาให้ ขอให้ผู้เสียหายช่วยรับของดังกล่าวไว้
พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าวว่า จากนั้นก็จะให้ผู้ร่วมขบวนการคนไทย โทรศัพท์มาหาผู้เสียหาย อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่บริษัทส่งสินค้าระหว่างประเทศ (shipping) แจ้งว่ากระเป๋าเดินทางและกล่องพัสดุดังกล่าวมาถึงประเทศไทยแล้ว แต่มีขั้นตอนการดำเนินการส่งสินค้า และมีค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่ต้องชำระเงินเอง ผู้เสียหายจึงหลงเชื่อยอมโอนเงินไปให้ตามที่ถูกเรียกร้อง รวมเป็นเงินทั้งสิ้นเกือบ 1 ล้านบาท แต่หลังจากจ่ายเงินไปแล้ว กลับไม่ได้รับของแต่อย่างใด อ้างว่ายังอยู่ระหว่างดำเนินการ
ทั้งนี้ ภายหลังจากได้เงินจากเหยื่อรอบแรกไปแล้วขบวนการดังกล่าวยังวางแผนที่จะหลอกเงินเหยื่อเพิ่มอีก โดยการให้ผู้ร่วมขบวนการโทรศัพท์ติดต่อมาอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลจากประเทศมาเลเซีย บอกกับผู้เสียหายว่า Mr.Lanny Gray ประสบอุบัติเหตุ ได้รับบาดเจ็บสาหัสรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ขอเรียกเก็บเงินเพื่อสำรองค่ารักษาพยาบาลจากผู้เสียหายอีกเกือบ 500,000 บาท แต่ผู้เสียหายเกิดเอะใจ พยายามติดต่อกลับเพื่อสอบถามเมื่อเห็นว่าไม่สามารถติดต่อได้ จึงตัดสินใจไม่โอนเงินไปให้เพราะเชื่อว่าน่าจะถูกหลอก ก่อนนำเรื่องเข้าแจ้งความที่ สน.วังทองหลาง พร้อมกับยื่นคำร้องต่อ พล.ต.ต.จิรภพ ให้ช่วยติดตามจับกุมดังกล่าว
พ.ต.อ.วิวัฒน์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมใช้เวลาสืบสวนกว่า 5 เดือน จนพบพยานหลักฐานว่ากลุ่มคนร้ายมีด้วยกันทั้งหมด 7 คน มีนายอูโซซูกะวู กับ น.ส.ปุณยวีร์ สองสามีภรรยา เป็นหัวหน้า ทำกันเป็นขบวนการ แบ่งหน้าที่ วางแผนเป็นขั้นตอน ในช่วง 2-3 ปี หลังมีผู้หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อถูกหลอกหลายราย อีกทั้งจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินเครือข่าวดังกล่าวพบมีการโอนเงินจากบัญชีอื่น เข้ามายังบัญชีของกลุ่มคนร้ายที่เปิดในชื่อของบุคคลอื่นประมาณ 50 บัญชี ซึ่งเมื่อได้เงินมาแล้วก็จะไปถอนจากตู้เอทีเอ็มออกมาเป็นเงินสด แล้วนำฝากเข้าบัญชีส่วนตัว เพื่อให้ยากต่อการตรวจสอบ
จากการตรวจสอบบัญชีธนาคารของ น.ส.ปุณยวีร์ พบเฉพาะเพียงแค่ปี 2563-2564 มีเงินหมุนเวียนในบัญชีถึง 200 ล้านบาท อีกทั้งจากการตรวจค้นร้านอาหารและร้านรับแลกเงินของนายอูโซซูกะวู ที่คาดว่า เป็นการประกอบธุรกิจบังหน้า พบเอกสารการแลกเงินตราไปต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ทำให้เชื่อว่าน่าจะเป็นวิธีการฟอกเงินอย่างหนึ่ง จึงได้ตรวจยึดไว้เป็นหลักฐานเพื่อขยายผลสืบสวนต่อไป
นอกจากนี้จากตรวจสอบประวัติ นายอูโซซูกะวู พบเคยก่อเหตุในลักษณะเดียวกัน เมื่อปี 2561 ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ โดยในครั้งนั้น กลุ่มคนร้ายได้อ้างตัวว่าเป็นทหารแอฟริกันปลดประจำการ ซึ่งขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการสอบสวน และเชื่อว่ายังมีผู้เสียหายอีกหลายรายที่ตกเป็นเหยื่อขบวนการโรแมนซ์สแกมนี้ จากการสอบสวน ผู้ต้องหาทั้ง 6 คน ยังคงให้การปฏิเสธ เบื้องต้นจึงแจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับ ก่อนนำตัวส่ง สน.วังทองหลาง ดำเนินการตามกฎหมายพร้อมกับขยายผลติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่อยู่ระหว่างการหลบหนีที่เหลืออีก 1 คนต่อไป