ตำรวจกองปราบฝากขัง"ประสิทธิ์ เจียวก๊"ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนท์ พร้อมค้านการประกันตัวความเสียหายค่อนข้างสูงมีผู้เสียหายจำนวนมาก หวั่นไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน
จากกรณีตำรวจกองปราบ ร่วมกับ บก.ปอศ. และ บก.ปอท. เปิดปฏิบัติการจับกุม นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก ประธานโครงการคืนคุณแผ่นดิน หลังร่วมกับพวกเปิดบริษัทในลักษณะเครือข่ายใหญ่ หลอกนักลงทุนหลายรูปแบบ อ้างจะได้รับผลตอบแทนสูง จนสามารถติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการได้แล้ว 5 คน ประกอบด้วย พ.ท.พญ.อมราภรณ์ วิเศษสุข อายุ 34 ปี ประธานโครงการ “เที่ยวเพื่อชาติ” น.ส.ณัฐวรรณ อุตตมะปรากรม อายุ 33 ปี น.ส.สิริมา เนาวรัตน์ อายุ 37 ปี และนายกิตติวัฒน์ อ่วมอารีย์ อายุ 40 ปี และ นายกิตติศักดิ์ เย็นนานนทน์ รองประธานกรรมการบริหารบริษัทในเครือ ต่อมาวันที่ 17 พ.ค. นายประสิทธิ์ หัวหน้าขบวนการ ได้ติดขอเข้ามอบตัวพร้อมให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาในชั้นสอบสวน
เมื่อวันที่ 18 พ.ค. ที่กองปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.อ.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (รองผบก.ปอศ.) หนึ่งในคณะทำงานชุดคลี่คลายคดีดังกล่าว เปิดเผยว่า อยู่ระหว่างประสานศาลอาญาทำเรื่องฝากขัง นายประสิทธิ์ ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนท์ เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้ค้านการประกันตัว เนื่องจากมูลค่าความเสียหายค่อนข้างสูง มีผู้เสียหายจำนวนมาก และเกรงจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน แต่ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลในการตัดสิน หากอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวก็จะปล่อยตัวที่กองปราบปราม แต่หากไม่ให้ประกันก็จะส่งตัวไปขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
พ.ต.อ.ทัศน์ภูมิ กล่าวว่า จากการสอบปากคำ นายประสิทธิ์ตลอดทั้งวันที่ผ่านมา ยังคงยืนกรานปฏิเสธ ส่วนเรื่องรายละเอียดเกี่ยวกับการลงทุน การชักชวนผู้เสียหายหรือการโอนย้ายทรัพย์สินต่างๆ นายประสิทธิ์ไม่ขอให้การในชั้นพนักงานสอบสวน ยังยืนยันว่าธุรกิจต่างๆ ของบริษัทในเครือยังสามารถดำเนินการต่อไปได้
ด้าน พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รองผบช.ก.) ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานชุดคลี่คลายคดี กล่าวถึงกรณีเพจโครงการคืนคุณแผ่นดิน โพสต์ภาพนายประสิทธิ์ กำลังหารือร่วมกับสหกรณ์ออมทรัพย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำกัด เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยมีนายตำรวจระดับสูงให้การต้อนรับว่า จากการตรวจสอบบริษัทสหกรณ์ออมทรัพย์การค้าธุรกิจบริการและผลิตภัณฑ์ผสมผสาน จำกัด ในเครือของนายประสิทธิ์ พบว่า มีการยกเลิกและปิดตัวบริษัทลงไปก่อน เนื่องจากดำเนินการผิดวัตถุประสงค์ ยังไม่มีการดำเนินงานใดๆ ร่วมกับสหกรณ์ตำรวจ แต่จากภาพที่ปรากฎ คงเป็นเพียงการหารือกันเท่านั้น
พล.ต.ต.จิรภพ กล่าวต่อว่า ส่วนที่มีการกล่าวอ้างว่า นายประสิทธิ์ พาดพิงถึงเบื้องสูงจะเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายอาญา ม.112 หรือไม่ จากการตรวจสอบพบว่า การกระทำของนายประสิทธิ์ที่ทำทีเป็นจิตอาสาทำความดี อันเป็นลักษณะการฉ้อโกง เพื่อสร้างเครดิตให้ตัวเองนั้นยังไม่เข้าข่ายความผิดทางกฎหมาย ไม่ได้มีการระดมทุนโดยอ้างว่าจะนำเข้าสถาบัน แต่ขอเรียนประชาชนว่า ขอให้แยกแยะเรื่องการทำความดีกับการกระทำผิดว่าไม่เกี่ยวข้องกัน
“ส่วนเรื่องการตรวจสอบเส้นทางการเงินของเครือข่ายว่า มีการยักย้ายถ่ายเทไปที่ใด ถึงญาติหรือคนใกล้ชิดบ้างหรือไม่ ยอมรับว่า มีความยากพอสมควรแต่ตำรวจจะทำงานอย่างเต็มที่แน่นอน” รอง ผบช.ก. กล่าว
นายกิตติศักดิ์ เย็นนานนทน์ รองประธานกรรมการบริหารบริษัทในเครือ ผู้ต้องหาคนสุดท้ายตามหมายจับศาลอาญา ในคดีดังกล่าว ที่ยังอยู่ระหว่างการหลบหนี ได้ที่ บริเวณด้านโรงแรมแห่งหนึ่งภายในซอยงามวงศ์วาน 51 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร ก่อนนำตัวมาทำการสอบสวนยังกองบังคับการปราบปราม ทั้งนี้จากแนวทางสืบสวนทราบว่านายกิตติศักดิ์ เป็นกรรมการบริษัท เหนือโลก จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือบริษัทเอ็มกรุ๊ป มีการเปิดบัญชีรับโอนเงินจากการซื้อขายกระเป๋าแบรนด์เนม ที่เป็น 1 ใน 5 รูปแบบการชักชวนลงทุนของเครือข่ายดังกล่าว รวมถึงยังเป็นผู้ลงนามเซ็นเอกสารทางธุรกรรมต่างๆของบริษัทในช่วงที่มีการหลอกลวงเหยื่ออีกด้วย