ผู้เสียหายถูกโกงโควต้าหวยรัฐบาลร้องกองปราบรับโอนสำนวนคดีมาทำเองเชื่อมีอิทธิพลหนุนหลังทำเป็นขบวนการใหญ่ ไม่เชื่อผู้ต้องหาสาวอุเพียง 30 ปีจะฉ้อโกงได้มากขนาดนี้
เมื่อวันที่ 11 พ.ค. ที่กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมด้วยตัวแทนผู้เสียหายที่ถูกโกงสลากกินแบ่งรัฐบาลจำนวนประมาณ 20 คนซึ่งแค่บางส่วนจากผู้เสียหายทั้งหมดรวมกว่า 500 คน เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อผู้บังคับการกองปราบปราม เพื่อร้องขอให้รับโอนสำนวนคดีมาอยู่ในความดูแล เพราะเชื่อว่า นอกจาก น.ส.จิตรา โยธาภิรมย์ หรือ เจ อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาหนึ่งในขบวนการโกงล็อตเตอรี่ที่เข้ามอบตัวกับทางกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 แล้ว ยังมีผู้ร่วมขบวนการรายอื่นอีกหลายรายที่ยังไม่ถูกจับกัมดำเนินคดี รวมถึงให้ช่วยติดตามยึดทรัพย์ที่ได้จากการกระทำผิดมาคืนให้กับผู้เสียหาย และ ดำเนินคดีเพิ่มเติมในข้อหา ฉ้อโกงประชาชน
นายรณณรงค์ กล่าวว่า เชื่อว่าขบวนการดังกล่าวไม่ได้มี น.ส.จิตรา เพียงแค่คนเดียว เพราะผู้ต้องหารายนี้มีอายุเพียงแค่ 30 ปี ไม่น่าจะสามารถฉ้อโกงผู้คนที่มีมูลค่ารวมนับหมื่นล้านได้ แต่อาจจะมีข้าราชการระดับสูงช่วยเหลือ หรือมีผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง และเกรงว่าคดีดังกล่าวอาจจะมีการชดใช้เยียวยาให้กับผู้เสียหายไม่ทั่วถึง เพราะตั้งแต่ที่น.ส.จิตราผู้ต้องหาเข้ามอบตัว กลับไม่มีการกล่าวถึงขั้นตอนการยึดทรัพย์ที่ได้จากการกระทำความผิดมาเยียวยาผู้เสียหายแต่อย่างใดเพื่อให้เกิดความโปร่งใสในคดี จึงอยากให้ทางกองปราบรับโอนสำนวนคดีมาอยู่ในความดูแล เนื่องจากคดีดังกล่าวมีผู้เสียหายเป็นจำนวนมาก กระจายตัวอยู่หลายท้องที่ทั่วประเทศ หลังจากนี้จะเดินทางไปยื่นหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อกำชับเร่งรัดให้ทำคดี
ผู้เสียหายรายหนึ่งที่ตกเป็นเหยื่อถูกหลอก เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ได้รู้จักกับนายอ๊อฟ (นามสมมุติ) หนึ่งในแม่ทีมเครือข่ายดังกล่าว ก่อนชักชวนให้สั่งซื้อ หรือสั่งจองโควต้าสลากฯผ่านตนเอง โดยอ้างว่ารู้จักผู้ใหญ่ที่สามารถจัดหาโควต้าสลากฯ ได้เป็นจำนวนมาก และราคาถูก จึงหลงเชื่อยอมโอนเงินสั่งจองหลายครั้ง ซึ่งช่วงแรกก็ไม่ติดปัญหาใดๆ จึงเริ่มสั่งจองโควต้าสลากฯล่วงหน้าเพิ่มขึ้น กระทั่ง 2-3 งวดหลัง เริ่มมีการจ่ายสลากล่าช้า เมื่อทวงถามก็ถูกบ่ายเบี่ยงก่อนขาดหายไปในที่สุด ซึ่งในส่วนของตนสูญเงินค่าจองสลากฯล่วงหน้าไปกว่า 10 ล้านบาท เบื้องต้นทางสำนักงานผู้บังคับการกองปราบได้ประสานให้ทางพนักงานสอบสวนแต่ละกองกำกับการดำเนินการแยกสอบปากคำผู้เสียหายแต่ละพื้นที่เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาควบคู่กับพยานหลักฐาน ก่อนส่งต่อให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป