THAI NEWS

โดย กองบรรณาธิการ M2F

21 เมษายน 2564 : 13:57 น.

ตร.แถลง ร.ต.อ.ติดโควิด-19 เครียดหนักทำครอบครัวกลายเป็นกลุ่มเสี่ยงอีกทั้งมีปัญหาหลายโรครุมเร้าตัดสินใจผูกคอตายในห้องน้ำรพ.ตำรวจขณะเข้ารักษาตัวจากการติดเชื้อ

เมื่อวันที่ 21 เมษายน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ท.พรชัย สุธีรคุณ นายแพทย์(สบ 8) โรงพยาบาลตำรวจ พล.ต.ต.เมธี รักพันธุ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 (ผบก.น.6) พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ปทุมวัน ร่วมกันแถลงข้อเท็จจริงกรณี ร.ต.อ.บุญชู พรรณกลิ่น อายุ 59 ปี รองสารวัตรป้องกันและปราบปราม กองกำกับการ 4 กองตำรวจรถไฟ (รองสว.(ป.) กก.4 บก.รฟ.) ผู้ป่วยโควิด-19 เสียชีวิตอยู่ภายในห้องพักผู้ป่วยชั้น 11 อาคารเฉลิมพระเกียรติโรงพยาบาลตำรวจ

พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวว่า ตามการชันสูตรของสน.ท้องที่และการสอบพยานแวดล้อมผู้ตายไม่ได้ตายด้วยโรคโควิด-19 แต่ตายเนื่องจากทำให้ตัวเองตายด้วยความเครียดส่วนตัวด้วยโรครุมเร้า ตำรวจได้มีการชันสูตรพลิกศพตามระเบียบข้อกฎหมายทุกประการ วันนี้ศพอยู่นิติเวชรพ.ตำรวจ เพื่อรอรับกลับไปบำเพ็ญกุศล

ด้านพล.ต.ท.พรชัย กล่าวว่า ร.ต.อ.บุญชู มารักษาตัวในช่วงแรกยังไม่มีอาการ แต่มีโอกาสไปสัมผัสผู้ติดเชื้อโควิด-19 จึงไปตรวจที่โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ได้รับผลเป็นบวกคือติดเชื้อโควิด จึงติดต่อมาที่โรงพยาบาลตำรวจ จึงไปรับตัวมาเพื่อดูแล ช่วงแรกที่มาถึงโรงพยาบาลผู้ป่วยไม่มีอาการจึงให้พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลสนามในวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา วันถัดมาเริ่มมีอาการหายใจติดขัด เมื่อพบว่ามีอาการเพิ่มมากขึ้น จึงย้ายผู้ป่วยเข้าไปรักษาตัวที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ เพื่อดูแลผู่ป่วยอย่างใกล้ชิดเพิ่มมากขึ้น ผู้ป่วยมีประวัติเป็นเบาหวานอยู่ มีอาการหายใจไม่ค่อยสะดวก มีปริมาณออกซิเจนในเลือดต่ำ ในวันเกิดเหตุผู้ป่วยขออนุญาตไปเข้าห้องน้ำแล้วหายเงียบไป พยาบาลจึงติดตามไปดูพบผู้ป่วยอยู่ในห้องน้ำ และผู้ป่วยหยุดหายใจไปแล้ว จึงพยายามนำผู้ป่วยออกมา ทีมแพทย์พยายามกู้ชีพอย่างเต็มที่ สุดท้ายก็ไม่สามารถช่วยชีวิตได้ สรุปว่าผู้ป่วยเสียชีวิตที่หอผู้ป่วย ตึกเฉลิมพระเกียรติ

พล.ต.ท.พรชัย กล่าวถึงมาตรการในการดูแลผู้ป่วยทั้งโรงพยาบาลสนามและโรงพยาบาลตำรวจ ว่า ทางโรงพยาบาลยกระดับการดูแลผู้ป่วยเป็นอย่างดี ทั้งการเตรียมการในห้องผู้ป่วยปกติ ซึ่งขณะนี้มีการแบ่งผู้ป่วยไว้เป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นผู้ป่วยที่ยังไม่ปรากฎอาการจะพักอยู่ที่โรงพยาบาลสนาม หากผู้ป่วยมีอาการมากขึ้นจะย้ายผู้ป่วยไปยังหอผู้ป่วยที่จะดูแลอย่างใกล้ชิดมากขึ้น โดยได้มีการปรับระดับมาตรฐานให้สามารถดูแลผู้ป่วยได้เป็นอย่างดี โดยได้เตรียมเครื่องมือให้มากขึ้นและปรับอะไรที่ขาดให้มีห้องต่างๆ ครบถ้วนขึ้น ยืนยันว่าโรงพยาบาลตำรวจมีมาตรฐานในการตรวจมีความพร้อมในการรักษาอย่างเพียงพอ

ทั้งนี้ รพ.ตำรวจ มีกลุ่มงานจิตเวชดูแลอยู่ ซึ่งมีเว็บเพจชื่อ Depress We Care ซึ่งหากมีความเครียดสามารถปรึกษาได้ตลอดเวลา แต่เนื่องจากหน่วยงานยังมีข้อจำกัดอยู่ หากมีปัญหายังสามารถโทรติดต่อปรึกษาหารือกับกรมสุขภาพจิตได้ด้วย ในรายนี้เราไม่ทราบว่าผู้ป่วยเครียด เพราะผู้ป่วยเข้ามาในโรงพยาบาลเพียง 2-3 วัน สิ่งที่แพทย์ระมัดระวังในช่วงแรกคืออาการเจ็บป่วยกับปริมาณออกซิเจนในเลือดต่ำ จึงไม่ทันระวังในเรื่องอื่นๆ ทั้งนี้ได้เพิ่มมาตรการในการระมัดระวังเรื่องความเครียดของผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น พร้อมยอมรับว่า ขณะนี้แนวโน้มผู้ติดเชื้อ มีเพิ่มมากขึ้นทุกวัน บางครั้งการคัดกรองอาจจะทำได้ยาก อีกทั้ง สถานพยาบาลขณะนี้ มีปัญหาการรองรับผู้ติดเชื้อไม่เพียงพอต่อผู้ป่วยแต่ละวัน จึงทำให้มีการส่งตัวผู้ติดเชื้อมายังโรงพยาบาลสนามของโรงพยาบาลตำรวจ ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบประวัติ หรือภาวะความเครียดย้อนหลังก่อนเข้ามารักษาตัวได้

ขณะที่ พล.ต.ต.เมธี กล่าวว่า หลังรับแจ้งจาก รพ.ตำรวจว่ามีผู้เสียชีวิต ทาง ผกก.ปทุมวันได้รายงานให้ตนทราบ จึงแนะนำการปฏิบัติ แจ้งให้พนักงานสอบสวนท้องที่ ร่วมกับแพทย์ชันสูตรพลิกศพผู้ตาย ขณะเข้าไปตำรวจใส่ชุดป้องกันเชื้อโควิด-19 ตามมาตรฐานของสาธารณสุข

ด้าน พ.ต.อ.พันษา กล่าวถึงรายละเอียดการชันสูตรพลิกศพ ว่า ช่วงหลังเวลา 17.00 น. วันที่ 20 เมษายน พนักงานสอบสวน ไปทำการตรวจที่เกิดเหตุ พร้อมแพทย์ผู้ชันสูตร ที่ภายในห้องน้ำหอพักผู้ป่วย ชั้น 11 อาคารเฉลิมพระเกียรติ รพ.ตำรวจ เบื้องต้นสาเหตุเสียชีวิตมาจากการขาดอาการหายใจ และทำให้ตนเองเสียชีวิต ไม่ได้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 จากนั้นได้ส่งศพไปที่นิติเวช รพ.ตำรวจ

อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนถึงมูลเหตุจูงใจ ทราบว่า ผู้ตายเครียดที่ทำให้แม่ ภรรยา และลูกเสี่ยงติดเชื้อ ขณะนี้แม่กับภรรยา ได้ไปตรวจหาเชื้อ และอยู่ระหว่างกักตัว ผู้ตายก็ยังไม่รู้ผลว่าแม่และภรรยาติดเชื้อหรือไม่ ประกอบกับผู้ตายมีโรคประจำตัวเป็นความดันและเบาหวาน รักษาตัวอยู่ที่ รพ.รามาธิบดี ระหว่างที่พักรักษาตัวอยู่ รพ.ตำรวจ รู้สึกรักและเป็นห่วงครอบครัว แต่ไม่กล้าโทรไปคุยกับแม่และภรรยา เพราะรู้สึกละอายใจ แต่ได้โทรไปคุยญาติสนิท และบ่นว่าทำไมต้องมีโรคนี้ด้วย สอดคล้องกับการบ่นกับเพื่อนผู้ป่วยที่ รพ.ตำรวจ ว่าฝากแม่กับครอบครัวด้วย จนวันเกิดเหตุ ผู้ตายเข้าห้องน้ำตั้งแต่ 15.00 น. ตามปกติ จนเวลา 16.00 น. มีโทรศัพท์ดังขึ้นหลายครั้ง เพื่อนที่อยู่ในห้องพักด้วยกัน ก็จะตามให้มารับโทรศัพท์ เรียกไม่ตอบ เห็นว่านานเกินไป จึงตามแพทย์และพยาบาลมา ก็พบว่าเสียชีวิตอยู่ในห้องน้ำ ใช้เข็มขัดผูกกับที่แขวนเสื้อในห้องน้ำ โดยใช้เข็มขัดผูกคอตนเองกับตะขอเหล็กบริเวณอ่างกระจกล้างหน้าในห้องน้ำ

ข่าวเด่น

ข่าวที่น่าสนใจ