ศบค.ชุดเล็กเสนอมาตรการ 3 ระดับเพื่อคุมโควิดระบาดในสถานบันเทิง หากพบผู้ติดเชื้อต้องปิดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ หากพบเป็นโซนพื้นที่จะปิดสถานบันเทิงทั้งหมดในโซนนั้น
เมื่อวันที่ 5 เมษายน พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด19 หรือ ศบค. กล่าวว่า จากกรณีการติดเชื้อในสถานบันเทิง ศบค.ได้วิเคราะห์จุดอ่อนที่ทำให้มีการติดเชื้อในสถานบันเทิงพบว่ามาจาก ระบบระบายอากาศ การคลุกคลี ใกล้ชิด พูดคุยกัน ไม่สวมหน้ากาก รับประทานอาหารร่วมกันอย่างไม่ระมัดระวัง และยังพบพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่มักจะไปหลายแห่งในคืนเดียวกัน บางครั้งมีการข้ามไปยังจังหวัดใกล้เคียง ทำให้การแพร่เชื้อกระจายอย่างรวดเร็ว อีกทั้งคนเหล่านี้ร่างกายแข็งแรงจึงไม่มีอาการ นำไปแพร่เชื้อให้คนในครอบครัว สถานที่สาธารณะ ชุมชน สถานที่ทำงาน
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ทาง ศบค.กำลังหารือว่าจะทำอย่างไรเพื่อรีบกำหนดมาตรการ เนื่องจากกำลังจะเข้าสู่เทศกาลสงกรานต์ โดยทางอธิบดีกรมควบคุมโรคจะเสนอที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข (อีโอซี) กระทรวงสาธารณสุข สืบเนื่องจากมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่เข้าตรวจและดูแลสถานที่ และสั่งปิดสถานบริการเป็นการชั่วคราวได้ โดย ศบค.เข้าใจผู้ประกอบการที่ต้องทำมาหากิน แต่ต้องบริหารความเสี่ยงไม่ให้มีการแพร่ระบาดไปยังครอบครัวหรือชุมชน
ข้อสรุปของ ศบค.ชุดเล็ก จะมีการนำเสนอมาตรการเป็น 3 ระดับดังนี้
-ระดับแรก หากสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ มีรายงานผู้ติดเชื้อเมื่อไหร่ สถานบริการนั้นจะต้องปิดทันที และระวังควบคุมโรคอย่างน้อยสองสัปดาห์
-ระดับสอง หากพบสถานประกอบการใดมีผู้ติดเชื้อเป็นโซนในละแวกใกล้เคียงกัน จะมีการปิดทั้งโซน เช่น ปิดทองหล่อทั้งโซน
-ระดับสาม หากเกิดสถานการณ์ที่ควบคุมไม่ได้ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาแล้ว การแพร่ระบาดกระจายไปทั้งจังหวัด สามารถพิจารณาร่วมกับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพิจารณาให้ปิดสถานประกอบการเหล่านี้ทั้งจังหวัดได้
ดังนั้น จึงต้องขอความร่วมมือเข้มงวด คุมไม่ให้การระบาดเป็นวงกว้าง สถานบันเทิงต่างๆ ที่ยังไม่มีผู้ติดเชื้อต้องยกการ์ดให้สูง และจากการติดตามพฤติกรรมนักท่องเที่ยวที่ไปสถานบันเทิงมักจะไปร้านอาหารด้วย จึงอยากเน้นย้ำร้านอาหาร ขอให้เฝ้าระวังอย่างเข้มงวด ถ้าย่อหย่อนเมื่อไหร่ เกิดมีรายงานผู้ติดเชื้อ อีกสามวันอาจต้องปิด นอกจากนี้ ในวันเดียว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลจะเชิญผู้ประกอบการใน กทม.มาหารือถึงมาตรการเฝ้าระวังว่าจะให้ปลอดภัยกันอย่างไรด้วย