ผบ.ตร.นั่งหัวโต๊ะประชุมตำรวจทั่วประเทศรับมือเทศกาลสงกรานต์ทั้งอำนาจความสะดวกดูแลความปลอดภัยให้ประชาชน ตั้งเป้าลดอุบัติเหตุลง 5 % พร้อมขอความร่วมมืองดสาดน้ำ-ปาร์ตี้โฟม
เมื่อวันที่ 5 เมษายน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร. ร่วมประชุมมาตรการดูแลความปลอดภัยช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยมีข้าราชการตำรวจที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมพร้อมเพรียง ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)
พล.ต.อ.สุวัฒน์ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ได้ประชุมร่วมกับผู้กำกับการ(ผกก.)ทั่วประเทศ 1.4 พันกว่าแห่ง รวมหน่วยสนับสนุนต่างๆ อาทิ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตชด. ตำรวจทางหลวง ตำรวจท่องเที่ยว ได้เน้นย้ำเรื่องการกำกับดูแลควบคุมสั่งการของผู้บังคับบัญชาระดับสถานี การเตรียมการในช่วงนี้ คือ อำนวยความสะดวกจราจร และดูแลความปลอดภัย ทั้งคนที่เดินทางออกต่างจังหวัด และคนที่ฝากบ้านไว้กับตำรวจ โดยที่ผ่านมาได้ออกแผนรองรับสถานการณ์โควิด-19 ที่มาแทรกซ้อน รวมไปถึงบางพื้นที่มีปัญหาลักลอบข้ามแนวชายแดน มีแรงงานต่างด้าวไปอยู่เป็นกลุ่ม เป็นสถานที่ท่องเที่ยว มีสถานบริการ เป็นแหล่งที่คนไปรวมตัวอยู่จำนวนมาก บางพื้นที่มีปัญหาเรื่องการจราจร อุบัติเหตุต่างๆ ซึ่งวันนี้เป็นการกำชับให้ทำตามแผน ผกก.แต่ละโรงพัก ต้องไปควบคุมกำกับดูแลการปฏิบัติหน้าที่ของลูกน้อง การเตรียมกำลังพล อุปกรณ์ ออกแผนคำสั่ง จัดคนลงไปปฏิบัติหน้าที่ การกำหนดตัวชี้วัด
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ทางรัฐบาลตั้งเป้าว่าอุบัติเหตุต่า งๆ ต้องลดกว่าค่าเฉลี่ย 3 ปี ย้อนหลัง 5 เปอร์เซ็น ในขณะเดียวกันเรื่องดูแลความปลอดภัย ขณะนี้รัฐบาลได้ยืดอายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ควบคุมโควิด-19 ไปถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม 2564 และมีมาตรการภาพรวมออกมา ตำรวจก็ต้องไปดูมาตรการต่างๆ เช่น เรื่องไม่ให้รวมตัวกันสาดน้ำ ปาร์ตี้โฟม จึงฝากพี่น้องประชาชนว่า เพื่อความปลอดภัยในเรื่องป้องกันการแพร่ระบาดของโรค รัฐบาลก็ขอร้องว่า ไม่ให้มี ต้องไม่มีเรื่องการรวมตัวกันสาดน้ำ แต่เรื่องประเพีนีรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ อนุญาตให้มีได้ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 ซึ่งตำรวจต้องไปร่วมกับหน่วยงานฝ่ายปกครอง อาสาสมัครต่างๆ ไปกวดขันประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจ ตักเตือน ไม่ให้มีเหตุพวกนี้ แต่หากยังฝ่าฝืน ก็ต้องบังคับใช้กฎหมาย
ผบ.ตร. ยังกล่าวถึงเรื่องการจุดตรวจจุดสกัด ว่า เป็นมาตรการที่พยายามออกแบบขึ้นมาเพื่อแก้ไขจุดบกพร่องที่ผ่านมาในอดีต ตอนนี้ยังอยู่ช่วงทดลอง ปรับแก้ แต่ไม่ว่ามาตรการจะดีแค่ไหน หากคนพยายามหาช่องทุจริต ก็ยากที่จะป้องกันได้ เพราะฉะนั้นถึงเน้นว่า ผกก. สถานีต้องรู้นิสัยลูกน้องตนเอง ว่าใครเป็นแบบไหน แล้วหาวิธีแก้ไข ที่ผ่านมาตำรวจไม่แม่นยำเรื่องข้อกฎหมาย ก็พยายามจะจัดสอบมาตรฐานตำรวจ ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ หลายอย่างที่กำลังทำคิดว่าต้องดีขึ้นเรื่อยๆ ปีนี้ก็หวังว่าจะควบคุมอาชญากรรม และเรื่องความปลอดภัยด้านการจราจรได้ดีขึ้นกว่าเดิม รวมถึงมาตรการควบคุมโควิด-19 ด้วย
ขณะที่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า คาดการตัวเลขคนเดินทางออกต่างจังหวัดในช่วงเทศกาลสงกรานต์จะใกล้เคียงกับปี 2562 ขาออกช่วง 9-11 เมษายน คาดว่าประมาณ 3.5 ล้านคน ขากลับ 15-18 ประมาณ 3.7 ล้านคน คนเดินทางออกต่างจังหวัดจะมากกว่าช่วงปีใหม่ เนื่องจากเป็นวันหยุดยาว สำหรับการตั้งจุดตรวจช่วงสงกรานต์ จะเป็นไปตามนโยบาย ตร. คือ มีมาตรฐาน โปรงใส ตรวจสอบฐาน จะมีการเสนอตั้งด่านตามมาตรฐาน เฉพาะด่านเมา 1.2 พันจุด และจุดตรวจกวดขันวินัยจราจร 1.7 พันแห่ง โดย ผบ.ตร. ขยายประเด็นนี้ ว่า เวลาจะตั้งด่านต้องมาลงบันทึกในระบบก่อนทุกครั้ง เวลาลงไปแล้วจะเห็นแต่ละจุดอยู่ตรงไหนบ้าง ทำให้เห็นภาพ ยืนยันว่าจะไม่มีภาพตั้งด่านซ้ำซ้อน หรือเจอด่านทุกๆ 3 กิโลเมตร
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ทาง ผบ.ตร. ให้ความสำคัญสนองนโยบายรัฐบาลเรื่องลดอุบัติเหตุ จึงมีโครงการจะให้รางวัลตำรวจแข่งขันกัน ที่ 1-3 ในระดับกองบัญชาการ(บช.) โดยประเมินจากตัวเลขการลดอุบัติเหตุ และรางวัลที่ 1-3 จากจังหวัดที่ไม่มีการตายเกิดขึ้น มอบรางวัลช่วงปลายเดือน เมษายน ในการประชุมบริหารประจำเดือน
ด้านพล.ต.อ.มนู กล่าวว่า โครงการฝากบ้านช่วงสงกรานต์ปีนี้ รับฝาก 10 วัน ตั้งแต่ 9-18 เมษายน ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วย เพื่ออำนวยคสามสะดวกไม่ต้องเดินทางมาที่สถานีตำรวจ และคาดว่าจำนวนน่าจะเยอะกว่าช่วงปีใหม่