โฆษกศบค.เผยบุคลากรการแพทย์ 1 ราย มีอาการแพ้วัคซีนโควิด ได้รับการดูแลใกล้ชิด สั่ง สสจ.เตรียมพร้อมรับมือผลข้างเคียงหลังฉีดวัคซีน สื่อสารประชาชนไม่ให้กังวล
เมื่อวันที่ 3 มี.ค. 64 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์ประจำวัน ว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 35 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 25 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 17 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุก 8 ราย นอกจากนี้ เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 10 ราย ทำให้มีผู้ติดเชื้อสะสม 26,108 ราย หายป่วยสะสม 25,483 ราย อยู่ระหว่างรักษา 541 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ยอดสะสมคงที่ 84 ราย ขณะที่สถานการณ์โลก มีผู้ติดเชื้อสะสม 115,298,908 เสียชีวิตสะสม 2,560,602 ราย
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับภาพรวมการฉีดที่ผ่านมา มีบุคลากรทางการแพทย์ 1 ราย ที่มีอาการแพ้วัคซีน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดว่าเป็นอย่างไร เบื้องต้นบุคลากรทางการแพทย์คนดังกล่าวมีอาการหลังการฉีดวัคซีน 3 ชั่วโมง แต่ได้รับการช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว กรณีนี้จะได้นำไปศึกษาเพื่อวางมาตรการต่อไป อย่างไรก็ตาม มีแนวคิดปรับลดขั้นตอนการฉีดวัคซีน เพื่อให้ระยะเวลาที่รวดเร็วขึ้นและป้องกันการรวมกลุ่มกันมากๆ รวมถึงได้มีการสั่งการให้สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ในจังหวัดต่างๆ ที่เริ่มทยอยฉีดวัคซีนเตรียมพร้อมรับมือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการฉีดวัคซีน พร้อมกันนี้ นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ได้ฝาก สสจ.ว่าให้สื่อสารกับประชาชนเกี่ยวกับรายละเอียดการฉีดวัคซีนเพื่อลดความกังวล และแน่นอนว่าหากฉีดมากก็จะเจอผลข้างเคียงมาก แต่เรามีมาตรการรองรับ
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ในที่ประชุม ศบค.ชุดเล็กสนับสนุนเรื่องการขับเคลื่อนการเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โควิด-19 โดยเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) รายงานสถานการณ์ภาพรวมว่าสถานการณ์ขณะนี้เราควบคุมได้ และมีวัคซีนเข้ามาต่อเนื่อง จึงอยากให้ภาครัฐ เอกชน ผู้ประกอบการ ผู้จัดกิจกรรม ทำความเข้าใจกับมาตรการต่างๆ ที่จะออกมา อย่างกรณีการแข่งขันฟุตบอลไทยลีกที่ ศบค.อนุญาตให้มีผู้เข้าชม 50% แต่ผู้จัดขอทดลองให้มีผู้เข้าชม 25% จึงขอชื่นชนผู้จัดที่เข้าใจและพยายามปรับตัว เราไม่หวังให้เป็นศูนย์ แต่จัดสมดุลเรื่องตัวเลข มาตรการการผ่อนคลายให้เดินหน้าไปได้
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวในช่วงท้ายว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างช่วงผ่อนคลายแต่มีบางจังหวัดที่ยังต้องการดูแลเข้มงวดสูงสุด คือ สมุทรสาคร และเมื่อข้อมูลต่างๆ ดีขึ้น ก็จะมีมาตรการผ่อนคลายลดลงไปอีก แล้วในที่สุดจะเหมือนโรคไข้หวัดใหญ่ที่อยู่กับเราได้ แต่ทุกคนต้องระมัดระวัง เหมือนอย่างที่ตนมักจะเตือนอยู่เสมอในเรื่องของกิจวัตรประจำวัน การล้างมือ การสวมหน้ากากผ้า หน้ากากอนามัย อยู่ตลอดเวลาเป็นสิ่งจำเป็นในเรื่องการป้องกันการแพร่ระบาดกระจายของเชื้อโรค โควิด-19 ได้ ถือเป็นวัคซีนที่ทำได้เดี๋ยวนี้ เพื่อรอวัคซีนที่จะเข้ามาอีก โดยประมาณเดือน มิ.ย.ก็จะได้เกือบทั้งหมดตามแผนที่วางไว้ ขอให้ทุกคนเข้าใจและช่วยกันขับเคลื่อนประเทศไทยให้ผ่านวิกฤตในช่วงนี้ไปให้ได้