รมว.ยุติธรรมเผยจับแล้ว 33 เครือข่ายขบวนการค้ายาเสพติดยึดทรัพย์เกือบ 2,000 ล้าน เลขาฯป.ป.ส.เผยเร่งแก้กม.ให้อำนาจศาลริบทรัพย์ผู้ค้ายาฯแม้อัยการจะมีคำสั่งไม่ฟ้อง

เมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานกรรมการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2564 ว่า ในปีงบประมาณ 2564 ช่วง 4 เดือน ตั้งแต่ 1 ต.ค.2563 - 31 ม.ค.2564 สามารถจับกุมขยายผลยึดทรัพย์ 33 เครือข่าย ได้ทรัพย์สินแล้วกว่า 1,987 ล้านบาท ทั้งนี้ศูนย์ปฏิบัติการยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติดฯได้กำหนดแนวทางด้านการขยายผลยึดทรัพย์ ตัดวงจรยาเสพติด เป็นมูลค่าการยึดทรัพย์สินกระจายลงสู่ระดับจังหวัด โดยพิจารณาจากขนาดปัญหาและงบประมาณที่จัดสรรแต่ละพื้นที่

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ได้มีการกำหนดพื้นที่เป้าหมาย 3 ขนาด คือ จังหวัดขนาดใหญ่ 27 จังหวัด มีเป้าหมายยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติดให้ได้จังหวัดละ 90 ล้านบาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 2,430 ล้านบาท จังหวัดขนาดกลาง 31 จังหวัด กำหนดเป้าหมายยึดทรัพย์จังหวัดละ 70 ล้านบาท รวม 2,170 ล้านบาทและจังหวัดขนาดเล็ก 18 มีเป้าหมายมูลยึดทรัพย์ฯจังหวัดละ 50 ล้านบาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 900 ล้านบาท  โดยเขตกทม.ตั้งเป้าติดทรัพย์ฯให้ได้ 500ล้านบาท และจะมี 2ตัวชี้วัดเพื่อติดตามผล คือ ตัวชี้วัดในการตรวจสอบทรัพย์สินคดียาเสพติด และดำเนินคดีความผิดฐานสมคบ สนับสนุนช่วยเหลือในคดียาเสพติด

ด้านนายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กล่าวว่า ป.ป.ส.ได้เสนอให้แก้ไขกฎหมายในหลายส่วน โดยเฉพาะการกำหนดให้ศาลมีอำนาจพิจารณาคดีทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดต่อไปได้ แม้พนักงานอัยการจะมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดี หรือในกรณีที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้องจำเลยในคดีอาญา และหากศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าทรัพย์สินดังกล่าวเกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดก็ให้ศาลมีอำนาจพิพากษาให้ทรัพย์สินนั้นตกเป็นของกองทุนฯยาเสพติดได้ และให้นำหลักการริบทรัพย์สินตามมูลค่า มาใช้ในคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และขยายผล ยึดทรัพย์สินที่ได้มาจากการค้ายาเสพติด โดยการใช้สกุลเงินดิจิทัล อีกด้วย