ดีเอสไอบุกจับจุดแพร่คลื่นสัญญาณเว็บไซต์ fwiptv.cc เครือข่ายหนังละเมิดลิขสิทธิ์”ทรู วิสชั่นส์”ย่านรัตนาธิเบศก์-นครปฐม  ดีเอสไอเผยมูลค่าเสียหายกว่า 2,000 ล้านบาท ชี้จัดอยู่ในลำดับที่ 729 รายใหญ่ของประเทศ

เมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วย พ.ต.ท.วิชัย สุวรรณประเสริฐ  ผอ.กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ และพ.ต.ท.เฉลิมชนม์ อุณหเสรี ผอ.ศูนย์สืบสวนไซเบอร์ แถลงผลการยึดอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำความผิดละเมิดลิขสิทธิ์ผ่านเว็บไซต์ fwiptv.cc ในพื้นที่ย่านรัตนาธิเบศร์ ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี 4 จุด และ จ.นครปฐมอีก 1 จุด โดยยึดของกลางกว่า 100 รายการ เช่น กล่องเครื่องรับและถอดรหัสสัญญาณทรู วิชั่นส์ จานรับสัญญาณดาวเทียม เครื่องคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ฮาร์ดดิสก์ และ โทรศัพท์มือถือ

พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวว่า ไทยยังเป็นประเทศติดที่ถูกจับตามองเรื่องสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์และยังติดอยู่ในลำดับเทียร์ 3 คดีดังกล่าวสืบเนื่องจากบริษัททรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด สมาคมผู้สร้างภาพยนตร์แห่งสหรัฐอเมริกา (MPA) และเดอะฟุตบอล แอสโซซิเอชั่น พรีเมียร์ลีก ลิมิเต็ด ได้ร้องทุกข์ต่อดีเอสไอว่าถูกละเมิดลิขสิทธิ์ ตนจึงมอบหมายให้กองคดีเทคโนโลยีฯ นำหมายค้นของศาลทรัพย์สินทางปัญญาเข้าตรวจค้นพื้นที่ดังกล่าว โดยขณะนี้เว็บไซค์  fwiptv.cc  ถูกดีเอสไอสั่งปิดไม่สามารถเปิดให้บริการได้ แม้ว่าแอดมินเว็บระบุว่ากำลังจะกลับมาเปิดให้บริการใหม่ในวันนี้ แต่ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหว โดยล่าสุดได้แจ้งสมาชิกว่าจะเปิดบริการวันที่ 13 ก.พ. จึงสั่งการให้กองคดีเทคโนโลยีฯ เฝ้าจับตา ส่วนการเอาผิดแอดมินเว็บกำลังอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานและจะพิจารณาอีกครั้ง ยืนยันว่าจะขยายผลเพื่อเอาผิดถึงตัวการใหญ่และเอเยนต์

อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาผู้ใด เพราะจากการตรวจค้นจุดที่มีการส่งกระจายสัญญาณ พบแค่ลูกจ้างที่ทำหน้าที่ควบคุมสัญญาณ และยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดในการสอบปากคำได้ เนื่องจากต้องการสืบสวนข้อมูลเชิงลึกที่จะสาวไปถึงเอเยนต์และเครือข่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด คาดว่าจะใช้เวลาในการสอบขยายผลอีกครั้ง สำหรับเว็บไซค์ดังกล่าวเปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2555 บาท เป็นเว็บที่ให้บริการดูหนังใหญ่ที่สุดในประเทศ ละเมิดลิขสิทธิ์ทั้งภาพยนตร์ กีฬา ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ให้บริการแบบบอกรับสมาชิกเก็บค่าเข้าชมเดือนละ 300 บาท หรือปีละ 3,000 บาท และมียอดเข้าชมต่อเดือนมากกว่า 7.2 แสนวิว จัดอยู่ในลำดับที่ 729 ของประเทศไทยที่มีคนเข้าชมมากที่สุด ซึ่งจากการประเมินความเสียหายในเชิงธุรกิจมีมากกว่า 2,000 ล้านบาท