ส.ส.กทม.นำ 6 หญิงสาวชาวไทยร้องปคม.ถูกนายหน้าหลอกไปค้ากามประเทศบาห์เรนอ้างไปทำงานนวดแผนโบราณไปถึงยึดพาสปอร์ตกักขังให้รับแขกไม่ยอมถูกทุบตีทารุณ
เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม.อดีตเลขาธิการพรรคเพื่อไทย นำ 6 หญิงสาวชาวไทยที่ถูกนายจ้างหลอกไปค้าประเวณีที่ประเทศบาห์เรน เข้าร้องทุกข์กับ พล.ต.ต.สยาม บุญสม ผู้บังคับการ กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) ให้ช่วยติดตามดำเนินคดีกับกลุ่มผู้กระทำผิดดังกล่าว โดยมีเจ้าหน้าที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) ร่วมรับฟังการสอบปากคำ ก่อนนำเหยื่อนำเข้าสู่กระบวนการช่วยเหลือตามกฎหมาย
พล.ต.ต.สยาม กล่าวว่า คดีนี้ได้รับการประสานจากกระทรวงการต่างประเทศ(กต.) ว่า มีการช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์รายหนึ่งที่หนีมาจากประเทศบาห์เรน หลังหางานร้านนวดแผนโบราณจากเฟซบุ๊กให้ไปทำงานในประเทศบาห์เรน โดยมีนายหน้าชาวไทยโน้มน้าวว่าจะออกค่าตั๋วเครื่องบินให้ มีค่าจ้างสูง อ้างว่าไม่มีการค้าประเวณี แต่เมื่อไปถึงกลับถูกบังคับข่มขู่ให้ค้าประเวณี ถูกยึดพาสปอร์ต กักขังไว้และอ้างว่าจะมีค่าปรับจำนวนสูงหากหนีกลับมา ทำให้เหยื่อจำใจทำต่อไป ก่อนที่จะหนีออกมาขอความช่วยเหลือได้ จากนี้ บก.ปคม.จะสอบสวนรายละเอียดต่างๆ ก่อนขยายผลถึงตัวผู้ต้องหาแล้วติดตามมาดำเนินคดี
ทั้งนี้ จากสถิติปี 2561 พบว่ามีคนไทยไปทำงานต่างแดนในหลายประเทศ เช่น บาห์เรน เยเมน ญี่ปุ่น การ์ต้า เยอรมนี พบว่าบางส่วนสมัครใจไปค้าประเวณีเอง และมีบางส่วนที่ถูกหลอก จึงต้องมาสอบปากคำร่วมกับ พม.เพื่อคัดแยกเหยื่อเข้าสู่กระบวนการช่วยเหลือและคุ้มครองตามกฎหมาย พร้อมประสานอัยการสูงสุดร่วมสอบสวนและขอออกหมายแดงเพื่อจับกุมผู้ร่วมขบวนการค้ามนุษย์ที่อยู่ในต่างประเทศต่อไป
ด้าน น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า มีผู้เสียหายติดต่อผ่านญาติที่อยู่ในเขตสายไหมเข้ามาว่า ถูกหลอกไปค้าประเวณีที่ประเทศบาห์เรนมาตั้งแต่ปลายปี 2563 รวมระยะเวลาราว 2 เดือนเศษ ตนจึงประสานตำรวจและ กต.เข้าให้การช่วยเหลือเหยื่อได้ทั้งหมด ก่อนพาเหยื่อมาร้องทุกข์กับ ตำรวจ ปคม.ขอฝากว่า คนที่จะไปทำงานต่างประเทศ ให้ประสานกับกระทรวงแรงงานหรือกรมจัดหางานตามแต่ละจังหวัดตามขั้นกฎหมาย ไม่เช่นนั้นอาจมีโอกาสถูกหลอกลวงได้สูง
ด้าน น.ส.เอ (นามสมมติ) หนึ่งในเหยื่อ กล่าวว่า ตนตกงานช่วงโควิดระบาด ไม่มีรายได้เลี้ยงดูครอบครัว เมื่อเห็นข้อความรับสมัครพนักงาน ทำงานร้านนวดไทย ที่ประเทศบาห์เรน ระบุว่า รายได้ดีเดือนละเกือบ 100,000 บาทจึงสนใจ ติดต่อพูดคุยกับนายหน้าผ่านทางแชทไลน์ โดยนายหน้าแจ้งว่า เป็นงานนวดไทยเท่านั้น ไม่มีการค้าประเวณีใดๆ เมื่อไปถึงบาห์เรนจะต้องเข้าอบรมการนวด 2 สัปดาห์ ก็จะสามารถทำงานได้ ตนจึงหลงเชื่อ ตกลงไปทำงาน โดยนายหน้าแจ้งว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะหักจากเงินเดือนที่ได้รับโดยผ่อนชำระเป็นงวดๆ แต่เมื่อมาถึงประเทศบาห์เรน มีนายหน้าชาวบาห์เรนมารับที่สนามบินพาไปที่พัก วันต่อมาถูกยึดพาสปอร์ต บังคับให้ค้าประเวณี หากไม่ทำจะต้องเสียเงิน 130,000 บาท หากไม่ทำจะถูกทุบตีทรมาน
น.ส.เอ กล่าวต่อว่า มีบางวันต้องรับลูกค้านับ 10 ราย ก่อนที่แม่เล้าจะยอมให้ตนใช้โทรศัพท์ ยอมให้ตนออกไปข้างนอกเมื่อสบโอกาส ตนจึงนัดกับเหยื่ออีก 3 คน พากันหลบหนีออกไปติดต่อขอความช่วยเหลือ