THAI NEWS

โดย กองบรรณาธิการ M2F

07 มกราคม 2564 : 12:58 น.

โฆษกศบค.ขอความร่วมมือประชาชนติดตั้งแอพฯ "หมอชนะ" เผยมีการพูดคุยในที่ประชุมศบค.ชุดเล็กว่า หากพบผู้ติดโควิดและไม่มีแอพฯ "หมอชนะ" จะถือว่าละเมิดกฎหมายตามข้อกำหนด พรก.ฉุกเฉินฯ

เมื่อวันที่ 7 ม.ค. 64 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กล่าวระหว่างการแถลงข่าวสถานการณ์ระบาดของเชื้อโควิด19ประจำวัน โดยได้ชี้แจงถึงสาระสำคัญของ ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 17) ที่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 6 ม.ค.64

นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่าสาระสำคัญของข้อกำหนดฉบับนี้มี 3 ข้อคือ

ข้อ 1.การยกระดับการบังคับใช้มาตรการป้องกันโรค เน้นย้ำว่าประชาชน้องมีแอพพลิเคชั่นในโทรศัพท์มือถือเพื่อติดตามตัว เดิมเราใช้ไทยชนะอยู่ แต่หลังจากนี้ต้องมีการติดตั้งแอพพลิเคชั่น หมอชนะด้วย

โดยให้ประชาชนติดตั้งแอพพลิเคชั่น "หมอชนะ" ควบคู่การใช้แอพพลิเคชั่น "ไทยชนะ" โดยเฉพาะบุคคลที่อยู่ในเขตพื้นที่สถานการณ์ที่กำหนดเป็น "พื้นที่ควบคุมสูงสุด"

"มีการพูดคุยในที่ประชุมศบค.ชุดเล็กว่า ต่อไปนี้หากพบว่าผู้ติดเชื้อโควิด ไม่มีการติดตั้งแอพพลิเคชั่นหมอชนะก็จะถือว่าละเมิดกฎหมายตามข้อกำหนดนี้ นี่คือสิ่งที่จะค่อยๆเข้มข้นขึ้น เพราะมีหลายครั้งไม่สามารถติดตามไทม์ไลน์ของผู้ป่วยออกมาได้ ฉะนั้นหมอชนะจะเป็นคำตอบของการระบาดในระลอกนี้"โฆษกศบค.กล่าว

ข้อ 2. คือยกระดับพื้นที่ควบคุมสูงสุดที่จำเป็นต้องมีมาตรการเข้มงวดอย่างยิ่ง โดยให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเส้นทางคมนาคมและยานพาหนะของประชาชนเดินทางเข้าออกเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ได้แก่ จันทบุรี ชลบุรี ตราด ระยอง และสมุทรสาคร เพื่อสกัดคัดกรองคนเข้าออกพื้นที่

ให้ตั้งจุดตรวจหรือจุดสกัดเพื่อคัดกรองการเดินทางเข้าออกพื้นที่อย่างเข้มข้น และให้ผู้ที่อยู่ในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดติดตั้งและใช้ระบบแอพพลิเคชันหมอชนะ โดยบุคคลที่จะออกนอกพื้นที่ ต้องแสดงเหตุผลความจำเป็น บัตรประชาชน บัตรแสดงตนอื่นๆ ควบคู่กับเอกสารรับรอง ต่อเจ้าหน้าที่

ข้อ 3.ปราบปรามลงโทษผู้กระทำผิดอันเป็นเหตุให้เกิดการระบาด ดำเนินการกับผู้ปล่อยปละละลเย ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เอื้ออำนวยหรือสมรู้ร่วมคิดมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการลักลอบขนย้ายแรงงานเถื่อนและบ่อนพนันอันเป็นต้นตอของการระบาด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโทษของผู้ฝ่าฝืน จำคุกไม่เกินสองปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยผู้จงใจปกปิดข้อมูลเดินทาง ถือว่ามีความผิดด้วย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 7 ม.ค.2564 เป็นต้นไป

ข่าวเด่น

ข่าวที่น่าสนใจ