อธิบดีกรมควบคุมโรคแจงมาตรการคุมเข้มขั้นที่1 ในพื้นที่ควบคุมสูงสุด จำเป็นต้องขอความร่วมมือไม่เดินทางข้ามจังหวัด ให้เดินทางเฉพาะที่จำเป็น
เมื่อวันที่ 2 ม.ค. 64 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีที่ที่ประชุม ศบค. และ ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข ของกระทรวงสาธารณสุข มีข้อสรุปเสนอให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. ออกมาตรการที่กำหนดให้ดำเนินการเพื่อป้องกันการระบาดของโควิดในพื้นที่ควบคุมสูงสุด 28 จังหวัด
นพ.โอภาส กล่าวว่า ตามมาตรการควบคุมขั้นที่ 1 ที่จะใช้ดูแลพื้นที่ควบคุมสูงสุด หรือพื้นที่สีแดง จะมีการจำกัดเวลาเปิด-ปิดสถานประกอบการ และปิดสถานบริการที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อ เช่น พบมีการระบาดในสถานบันเทิง ร้านอาหาร ที่มีคนรวมกันไม่ใส่หน้ากากอนามัย เพราะต้องรับประทานอาหาร ก็จะมีมาตรการต่าง ๆ ออกมา เช่น ร้านอาหารทุกร้าน สถานบันเทิง ไม่ให้มีการให้บริการในร้าน แต่จะให้เพียงการซื้อเพื่อนำกลับไปรับประทานที่บ้าน
รวมถึงขอความร่วมมือไม่เดินทางข้ามจังหวัด โดยยังสามารถเดินทางข้ามจังหวัดได้แต่จะต้องมีการตรวจตรา และเป็นการเดินทางที่จำเป็นเท่านั้น เช่น บุคลากรทางสาธารณสุขที่ทำงานและมีบ้านพักอาศัยอยู่คนละจังหวัด แต่ที่ไม่จำเป็นจะไม่ได้รับอนุญาตเดินทางข้ามจังหวัด , สถานศึกษาหยุดเรียน การเรียนการสอนให้ใช้รูปแบบออนไลน์ ให้มีการทำงานจากที่บ้าน (Work from Home) ให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
ทั้งนี้ จะใช้เวลาดำเนินการประมาณ 4 สัปดาห์ หรือ 2 เท่าของระยะเวลาฟักตัวของโรคซึ่งเชื่อว่าน่าจะควบคุมโรคได้ ซึ่งหากผู้อำนวยการศบค.เห็นชอบ ก็จะมีการกำหนดบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 4 ม.ค.-1 ก.พ.64
ส่วนพื้นที่ควบคุม หรือพื้นที่สีส้ม จำนวน 11 จังหวัด ซึ่งเป็นพื้นที่กันชน ก็จะมีมาตรการที่คล้ายคลึงกัน โดยให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด โดยผู้ว่าราชการจังหวัดจะปรับสถานการณ์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของตนเอง โดยอาจจะใช้พื้นที่อำเภอที่มีอำเภอติดกับพื้นที่สีแดง ใช้มาตรการเหมือนพื้นที่สีแดงหรือไม่ก็ได้ ทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดและผู้ว่าราชการจังหวัดจะประกาศอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้สอดคล้องกัน
ส่วนพื้นที่ที่เหลือ คือพื้นที่เฝ้าระวังสูงสุด หรือพื้นที่สีเหลือง ก็จะมีมาตรการลดหลั่นกันไป แต่โดยพื้นฐานจะมีการเฝ้าระวังพื้นที่อย่างสูงสุดและขอความร่วมมือไม่ให้เดินทางข้ามจังหวัด แต่กิจกรรมในจังหวัดสามารถดำเนินการได้ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป
นพ.โอภาส กล่าวว่า หลังจากนี้ก็คาดว่าจะมีการออกเป็นประกาศต่าง ๆ ต่อไป โดยยังคงเน้นย้ำเรื่องมาตรการการเว้นระยะห่าง การใส่หน้ากากอนามัย การล้างมือ การคัดกรอง และการสแกนไทยชนะ ที่ต้องขอความร่วมมือประชาชนทุกคนปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดต่อไป