THAI NEWS

โดย กองบรรณาธิการ M2F

23 ธันวาคม 2563 : 15:56 น.

สื่อฯ ตั้งฉายาตำรวจประจำปี 63 "พล.ต.อ.สุวัฒน์" ผบ.ตร. ฉายา "ผบ.หลบฉาก ส่วน "พล.ต.ท.ภัคพงศ์" ผบช.น. "นายพล (ตีน) ตุ๊กแก" ขณะที่ ผบช.ก. ฉายา “ต่อ เหนือเมฆ”

เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 63 นายไพโรจน์ เทศนิยมนายกสมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย พร้อมตัวแทนจากสื่อมวลชนแขนงต่างๆ แถลงผลการพิจารณาตั้งฉายาตำรวจประจำปี 2563 จำนวน 11 นายดังนี้

1.พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. “ผบ.หลบฉาก” ที่มาจากการที่ ผบ.ตร. ไม่ค่อยออกมาแถลงชี้แจงความคืบหน้าคดีต่างๆ และคอยหลบการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน มีเพียงมอบหมายให้ทีมงานโฆษกที่แจ้งเท่านั้น

2.พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้รับฉายา “เด่น เป็นงาน” จากการที่มีชื่อเล่นว่า “เด่น” ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติงานสำคัญหลายเรื่อง เช่น เอาผิดเกี่ยวกับการทุจริต โครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” การบุกทลายเครือข่ายพนันออนไลน์ อยากได้ว่าฉายแววเด่นเรื่องงานเมื่อเทียบกับนายตำรวจระดับรอง ผบ.ตร.ด้วยกัน

3.พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้รับฉายา “นายพล (ตีน) ตุ๊กแก” จากกรณีเหตุกราดยิง 4 ศพ ในบ่อนพระราม 3 นำมาสู่ข่าวการเตรียมปรับโยกย้ายตำแหน่งในฐานะผู้รับผิดชอบพื้นที่ แต่สุดท้ายยังคงได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่ง ผบช.น.ต่อ

4. พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ฉายา "แจง 5 จี" โดย พล.ต.ท.กรไชย มีชื่อเล่นว่า “แจง” ถือเป็นนายตำรวจคนแรกขององค์กรที่ได้รับความไว้วางใจให้มากุมบังเหียน “บช.ไซเบอร์” ซึ่งเป็นหน่วยงานใหม่ถอดด้ามและเป็นที่คาดหวังของประชาชน ในการปราบปรามอาชญากรรมในปัจจุบันที่ได้พัฒนาไปอยู่ในโลกโซเบอร์ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีผลงานปรากฏต่อสังคม เนื่องจากขุมกำลังยังไม่เพียงพอเปรียบเสมือนสัญญาณ 5 จี ที่รู้ว่ามีแต่ยังมาไม่ถึงจึงเป็นที่มาของฉายา “แจง 5 จี”

5.พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ได้รับฉายาว่า “นายพลขาลุย” โดยก่อนหน้านี้เคยดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาคต 3 เป็นผู้อยู่เบื้องหลังนำกำลังหน่วย “นปพ.ภ.3” บุกเข้าไปใน “ห้างเทอมินอลวัน” เพื่อให้การช่วยเหลือเหยื่อที่ถูก “พลทหารคลั่ง” จับเป็นตัวประกัน จนสามารถทำการวิสามัญทหารคลั่ง และช่วยเหลือตัวประกันออกมาได้อย่างได้อย่างปลอดภัย และได้รับคำชมเชยจากผู้บังคับบัญชาหลายท่านถึงความเด็ดเดี่ยวและกล้าหาญในครั้งนั้น จึงเป็นที่มาของฉายา “นายพลขาลุย” อีกนายหนึ่ง

6.พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ฉายา “ต่อ เหนือเมฆ” ซึ่ง พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ เป็นนายตำรวจที่ประชาชนรู้จักกันอย่างกว้างขวาง ภาพลักษณ์ทั้งนักบู๊และนักบุญ เดินทางสายบุญและสายบู๊คู่ขนานกันไป นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพกับหน่วยงานผลัดดันการฝึกอบรมทั้งการ “ยิงปืน-โดดร่ม” เห็นได้จากภาพที่ปรากฎในโลกโซเชียลที่ “บิ๊กต่อ” ฝึกซ้อมโดดร่มกับผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นประจำ ทำให้นักกีฬาโดดร่มของสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีสีสันมากยิ่งขึ้นจนสามารถเข้าร่วมแข่งขันกีฬากองทัพไทยได้ จึงเป็นที่มาของฉายา “ต่อ เหนือเมฆ” นั่นเอง

7.พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้รับฉายา “เปาบุ้นจิ้นหน้าขาว” ทั้งนี้ พล.ต.ต.ปิยะ ได้รับความวางใจให้เป็นกระบอกเสียงของกองบัญชาการตำรวจนครบาล เป็นโฆษก บช.น.ในห้วงการชุมนุมทางการเมือง จะปรากฏภาพของพล.ต.ต.ปิยะ บ่อยครั้งในการทำหน้าที่โฆษกจากสื่อต่างๆ ในการเจรจาบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่ฝ่าฝืนการชุมนุมเปรียบเสมือน “เปาบุ้นจิ้น” แต่ด้วยรูปลักษณ์ที่เป็นนายตำรวจรูปหล่อหน้าขาวจึงเป็นที่มาของฉายา “เปาบุ้นจิ้นหน้าขาว”

8.พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ที่ได้รับฉายา “กูรูทางเลี่ยง” มีผลงานการแก้ไขปัญหาการจราจรที่เข้าขั้นจลาจล ในสมัยที่ดำรงตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจจราจร ทำให้เมื่อก้าวขึ้นมาเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยังคงได้รับความไว้วางใจให้กำกับดูแลงานจราจร ซึ่งในห้วงการชุมนุมทางการเมือง ม็อบปิดถนนส่งผลให้การจราจรติดขัด รองจิรสันต์ จะเป็นผู้ให้คำแนะนำข้อมูลข่าวสารด้านการจราจร แก่พี่น้องประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนในการสัญจรโดยมีวลีติดปาก “ขอให้หลีกเลี่ยงเส้นทาง” แม้แต่ซอยเล็กซอยน้อยก็รู้จัก จนเป็นที่มาของฉายา “กูรูทางเลี่ยง”

9.พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้รับฉายา “มือปราบคดีดัง” โดยนายตำรวจหนุ่มไฟแรงผู้นี้ จบ นรต.รุ่นที่ 50 ฝากผลงานโดดเด่นต่อเนื่องตั้งแต่สมัยดำรงตำแหน่งผู้บังคับการกองปราบปราม ทำคดีสำคัญมามากหมายหลายคดี อาทิ นำ “ชุดหนุมาน” เข้าคลี่คลายเหตุการณ์กราดยิงที่โคราช หรือแม้กระทั่งการสางคดีการเสียชีวิตของเสี่ยชูวงษ์ แซ่ตั๋ง ที่จับกุมอดีต ส.ส.คนดังแห่งเมืองนครสวรรค์ บรรยิน ตั้งภากรณ์ รวมทั้งการสางคดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาจนเป็นผลสำเร็จ จึงได้รับฉายา “มือปราบคดีดัง”

10. พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผู้บังคับการสืบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้รับฉายา “มือปราบเฟคนิวส์” นอกจากภารกิจในการกุมบังเหียนงานสืบสวนของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแล้ว ขณะเดียวกันในช่วงโควิด-19 ระบาด พล.ต.ต.พันธนะ ก็สวมหมวกหัวหน้าชุดเทคนิคและสืบสวนที่ 2 ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) และหัวหน้าชุดประสานความร่วมมือกับศูนย์ต่อต้าน “ข่าวปลอม” (Anti-Fake News Center) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และศูนย์ปราบปรามละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาออนไลน์ กสทช. ลุยปราบปรามผู้โพสต์ข่าวปลอม และข่าวบิดเบือนจากข้อเท็จจริงได้หลายร้อยคดี ที่สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชน จึงได้ฉายา “มือปราบเฟคนิวส์”

และ 11.พล.ต.ต.รณกร ฤทธิรงค์ ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว 2 ฉายา “ผู้การกรุแตก” ซึ่ง พล.ต.ต.รณกร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี เคยปรากฏเป็นข่าวกรณีใช้วาจาไม่สุภาพที่ท่าอากาศยาน หรือสนามบินอุบลราชธานี หลังไม่พอใจการทำงานของเจ้าหน้าที่บริเวณจุดคัดกรองโควิด จนเป็นเหตุให้ถูกตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงและให้มาช่วยราชการที่ ศปก.ภ.3 เป็นเวลา 30 วัน แต่เรื่องก็เงียบหายไป กระทั่งได้รับการแต่งตั้งให้มาดำรงตำแหน่ง ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว 2 แต่ไม่วายถูกตั้งคณะกรรมสอบสวนข้อเท็จจริง พร้อมให้มาช่วยราชการที่ ศปก.บช.ทท. หลังได้รับการร้องเรียนว่าระดมกึ่งบังคับลูกน้องให้เข้าร่วม “ทีมเฉพาะกิจ” ออกเก็บ “ค่าตั๋ว ค่าต๋ง” จากสถานประกอบการยามค่ำคืนในพื้นที่ภาคอีสานใต้ จนเป็นที่มาของฉายา ผู้การกรุแตก

ข่าวเด่น

ข่าวที่น่าสนใจ