ตำรวจสน.บางเขนจับผู้ชุมนุมกลุ่มราษฎร 1 ราย กาอเหตุเจาะยาง-ทุบกระจกรถตู้ตำรวจ พร้อมลุยเอาผิดคนสร้างความเสียหายให้ทรัพย์สินราชการ
เมื่อวันที่ 30 พ.ย.พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ในฐานะโฆษก บช.น.กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มราษฎรที่บริเวณหน้ากรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ เมื่อวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา ว่า ระหว่างการชุมนุม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางเขน ที่รักษาการในบริเวณดังกล่าวได้จับกุมตัวผู้ชุมนุมชาย ร ราย ที่กระทำการเจาะทำลายยางรถ และทุบกระจกรถตู้ สน.สายไหม จึงได้ดำเนินการสอบสวนในข้อหาทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งเจ้าตัวได้ให้การรับสารภาพตลาดข้อหา และตำรวจได้ส่งตัวไปดำเนินคดีแล้ว
สำหรับการชุมนุมดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ เนื่องจากไม่มีการแจ้งเจ้าพนักงานล่วงหน้า เมื่อผู้กำกับการ สน.บางเขน ได้แจ้งแนวปฏิบัติและแจ้งให้ยุติการชุมนุมในเวลา 18.00 น.แล้ว แต่กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ได้ปฏิบัติตาม
ภายหลังการชุมนุมยุติแล้วได้มีการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีทรัพย์สินของทางราชการได้รับความเสียหาย ได้แก่ รถตู้ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ถูกทุบกระจก พ่นสี และปล่อยลมยาง, รั้วสวนหย่อมของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ถูกทำลาย, ผู้ชุมนุมบางส่วนนำสีมาราดบนพื้นบริเวณด้านหน้าทางเข้า กรมทหารราบที่ 11 รอ.จนได้รับความเสียหาย สกปรก เลอะเทอะ ซึ่งตำรวจได้ประสานหน่วยงานเจ้าของ พื้นที่แจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีไว้แล้ว
"การชุมนุมดังกล่าวเป็นการชุมนุมผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ ส่วนการทุบทำลายสิ่งของที่เป็นทรัพย์สินของทางราชการก็จะเป็นความผิดอีกส่วนหนึ่ง นอกจากนี้การพูดปราศรัยหากเป็นความผิดหนึ่งความผิดใด พนักงานสอบสวนก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย" พล.ต.ต.ปิยะ กล่าว
ทั้งนี้ ปัจจุบันตำรวจได้ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมเฉพาะใน กทม.ทั้งหมด 110 คดี ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการไปแล้ว 21 คดี ซึ่งส่วนใหญ่พนักงานสอบสวนสั่งฟ้อง และอยู่ระหว่างรอส่งเรื่องให้พนักงานอัยการ 4 คดี คงเหลือที่อยู่ระหว่างดำเนินการสอบสวน 85 คดี