ให้นักศึกษาพยาบาลรวม 700 ทุน มุ่งส่งเสริม พัฒนาศักยภาพบุคลากร “พยาบาล” สร้างคุณประโยชน์ในระยะยาว
มูลนิธิกองทุนการกุศลสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ในพระราชูปถัมภ์ จัดพิธีมอบทุนการศึกษาสมเด็จย่า 90 ประจำปี 2563 ให้สถาบันการศึกษาต่างๆ รวม 700 ทุน ประกอบด้วยวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี 30 แห่งทั่วประเทศ เป็นจำนวน 600 ทุน, วิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก จำนวน 40 ทุน, วิทยาลัยพยาบาลกองทัพเรือ จำนวน 40 ทุน และวิทยาลัยพยาบาลทหารอากาศ 20 ทุน นอกจากนี้ ยังได้มอบทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนตำรวจตระเวนชายแดนอีก 8 โรงเรียน รวมเป็นทุนการศึกษาที่มอบในปีนี้ทั้งสิ้น 7,750,000 บาท
ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานมูลนิธิฯ กล่าวว่า มูลนิธิกองทุนการกุศลสมเด็จพระศรีนครินทราฯ สร้างประโยชน์มากมาย ช่วยเหลือนักศึกษาวิทยาลัยพยาบาล ซึ่งเป็นอาชีพที่สร้างคุณประโยชน์ให้กับคนอีกจำนวนมาก เป็นอาชีพที่ผูกพันกับคนทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย ดังนั้น การพัฒนาส่งเสริมบุคลากรพยาบาลให้มีคุณภาพ คุณธรรม และเป็นที่พึ่งพาของผู้ป่วย จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
นางพวงเพชร บุญสาย เลขานุการมูลนิธิฯ กล่าวว่า มูลนิธิกองทุนการกุศลสมเด็จพระศรีนครินทราฯ ก่อตั้งขึ้นในปี 2523 ซึ่งมูลนิธิฯ ได้เฉลิมฉลองโอกาสที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงเจริญพระชนมายุ 90 พรรษา ด้วยการมอบทุนการศึกษาแก่นักศึกษาพยาบาล วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สังกัดสถาบันพระบรมราชชนก กระทรวงสาธารณสุข โดยใช้ชื่อทุนว่า “ทุนการศึกษาสมเด็จย่า 90”
แรกเริ่มมูลนิธิฯ ได้มอบทุนการศึกษาให้ทุนละ 5,000 บาทต่อปี แต่ได้เพิ่มเป็นทุนละ 8,000 บาทในปี 2550 และในปี 2562 ได้เพิ่มเป็นทุนละ 10,000 บาท เป็นทุนสำหรับการศึกษาตั้งแต่ชั้นปีที่ 1 จนจบหลักสูตร 4 ปี ทุนนี้ไม่มีข้อผูกมัดให้นักศึกษากลับมาใช้ทุน แต่หวังที่จะเห็นนักศึกษาที่ได้รับทุนจะปฏิบัติตนให้เป็นพยาบาลที่ดี โดยตลอด 30 ปีที่ผ่านมา มีผู้ได้รับ “ทุนการศึกษาสมเด็จย่า 90” รวมทั้งสิ้น 5,354 ทุน สำเร็จการศึกษาแล้วจำนวน 1,098 คน
นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ยังได้ร่วมกับ บี.กริม เตรียมความพร้อมให้นักศึกษาที่จะออกไปปฏิบัติงานเมื่อจบการศึกษา ด้วยการจัดอบรม “โครงการตามรอยสมเด็จย่า” สำหรับนักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 3 ของวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ที่ได้รับ “ทุนการศึกษาสมเด็จย่า 90” ให้มาเข้าค่ายในกรุงเทพฯ เพื่อเปิดโอกาสให้นักศึกษาพยาบาลรุ่นใหม่ได้เรียนรู้แนวคิด ความเสียสละ และการมุ่งเน้นประโยชน์ส่วนรวม เพื่อสืบทอดเจตนารมณ์ทางวิชาชีพพยาบาล และอุดมการณ์ตามรอยสมเด็จย่า เพื่อการพัฒนาประเทศชาติต่อไป ซึ่งมีการจัดมาแล้วรวม 4 รุ่น แต่ปีนี้จำเป็นต้องงดกิจกรรมดังกล่าวด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
มูลนิธิฯ ยังได้จัดกิจกรรม เดิน-วิ่งการกุศล Run for Nurses ซึ่งจัดครั้งแรกในปี 2562 สำหรับปีนี้ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จึงได้ปรับรูปแบบเป็น Virtual Run เพื่อนำรายได้จากการจัดกิจกรรมสมทบ “ทุนการศึกษาสมเด็จย่า 90” ต่อไป
น.ส.ญานิศา พลายอิน นักศึกษาวิทยาลัยพยาบาลกองทัพเรือ ปี 2 ซึ่งได้รับทุนต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 กล่าวว่า ได้นำเงินที่ได้รับมาบริหารจัดการทั้งอุปกรณ์การเรียน และค่าใช้จ่ายทั่วไป ช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัว ส่วนตัวอยากเป็นพยาบาลตั้งแต่เด็กเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น เนื่องจากคุณพ่อเป็นทหารเรือ และคุณแม่เป็นพยาบาล ที่สำคัญที่สุดคือ มีสมเด็จย่าเป็นแรงบันดาลใจและแบบอย่างของความมุ่งมั่น กล้าหาญ เสียสละ รู้สึกซาบซึ้งในพระคุณของสมเด็จย่าที่มีต่อวิชาชีพพยาบาล
น.ส.วชิราภรณ์ มยุโรวาท นักศึกษาวิทยาลัยพยาบาลกองทัพอากาศ ปี 1 กล่าวว่า รู้สึกดีใจมากเพราะเป็นการได้รับทุนนี้เป็นครั้งแรก ตนเป็นคนร้อยเอ็ดที่บ้านทำนา อาศัยอยู่กับคุณแม่ 2 คน ฐานะทางบ้านไม่ได้ดีมาก การได้ทุนที่สามารถนำมาแบ่งเบาภาระของที่บ้านได้ ส่วนตัวอยากเป็นพยาบาลตั้งแต่เรียนมัธยมต้น เพราะต้องการเดินตามรอยพระบาทของสมเด็จย่า ซึ่งเป็นแบบอย่างของการช่วยเหลือคน การเสียสละ ทุ่มเท เดินทางเพื่อไปรักษาคนที่อยู่บนดอย ในพื้นที่ห่างไกล
น.ส.อมรรัตน์ รัชตรังสี นักศึกษาวิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก ปี 1 กล่าวว่า ตนไม่เคยได้รับทุนมาก่อน การถูกคัดเลือกให้ได้รับทุนการศึกษาสมเด็จย่า 90 รู้สึกดีใจมาก สามารถนำมาจัดสรรเพื่อการใช้จ่ายต่างๆ ลดภาระคุณพ่อ คุณแม่ เมื่อได้มีโอกาสสัมผัสกับอาชีพพยาบาล นอกจากเป็นอาชีพที่ท้าทายแล้ว ยังเป็นอาชีพที่พิเศษที่ได้ทำเพื่อผู้อื่น ต้องขอบคุณความเมตตาของสมเด็จย่า ซึ่งเป็นแบบอย่างและแรงบันดาลใจ
น.ส.สศิมา สวดมาลัย นักศึกษาวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี จังหวัดนนทบุรี ปี 3 ซึ่งได้รับทุนต่อเนื่องตั้งแต่ปี 1 กล่าวว่า รู้สึกภาคภูมิใจและเป็นเกียรติที่ได้รับคัดเลือกให้ได้รับทุน ซึ่งเท่ากับว่าได้สานต่องานของพระองค์ท่าน ส่วนตัวใฝ่ฝันเป็นพยาบาลตั้งแต่เด็ก จากการที่ได้ไปเฝ้าคุณยายที่ป่วยหนัก ได้เห็นพยาบาลดูแลคุณยายอย่างดี เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้อยากทำอาชีพนี้ เพื่อดูแลและช่วยเหลือคนอื่น ซึ่งพบว่าทุกคำขอบคุณที่ได้รับจากผู้ป่วยถือเป็นกำลังใจชั้นดีที่จะทำให้เราสามารถทำงานให้สำเร็จลุล่วง