.
โดย...อาจารย์ชวินทร์ chavintapoti@gmail.com
******************************
วันนี้กลับมาชมพระเครื่องสวยดูง่ายกันอีกองค์ หลังจากที่ผู้เขียนห่างหายไปเพราะหน้าที่การงาน มาชม พระปิลันทน์ พิมพ์จิ๋วเนื้อใบลาน ซึ่งจัดสร้างโดย พระพุทธบาทปิลันทน์ วัดระฆังโฆสิตาราม กันครับ
เหตุที่มีชื่อเรียกว่าพระปิลันทน์จิ๋วนั้นก็มาจากขนาดขององค์พระซึ่งเล็กมาก จากขนาดความกว้าง 1 เซนติเมตร สูง 1.2 เซนติเมตรเท่านั้น
จุดพิจารณาของ พระปิลันทน์นั้นเริ่มจากการพิจารณาคราบไขจากการลงกรุ เป็นคราบไขที่มองเหมือนไขวัวที่เกาะตามพื้นผิว คราบไขต้องมันวาวไม่แห้งกระด้าง เป็นจุดตายที่ทำให้ดูง่าย มวลสารต้องแห้งเก่าครับ
พระปิลันทน์ จัดเป็นพระเนื้อผงที่มีส่วนประกอบสำคัญอยู่ 3 ส่วนได้แก่ ปูนเปลือกหอยเป็นส่วนผสมหลัก,ส่วนผสมของใบลานเผาโดยการนำใบลานมาลงอักขระแล้วนำไปเผาไฟ และ มีผงวิเศษทั้งห้าคือ ผงอิทธิเจ ผงปถมัง ผงตรีนิสิงเห ผงพุทธคุณ ผงมหาราช ตามตำรับ เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พรหมรังสี) เป็นต้น
พระปิลันทน์ จากวัดระฆังนี้สร้างโดย หม่อมเจ้าสมเด็จพระพุฒาจารย์ ( ทัด เสนีวงศ์) ในสมัยที่ท่านดำรงสมณศักดิ์ที่ พระพุทธุปบาทปิลันทน์ เป็นพระเนื้อผงใบลานเผาส่วนใหญ่ ที่สร้างเป็นผงเนื้อขาวเหมือนสมเด็จวัดระฆัง ก็มี แต่มีจำนวนน้อยมาก วรรณะของพระปิลันทน์ที่สร้างจากผงผสมใบลานเผาจึงออกสีเทาอมดำ หรือเขียวอมดำ ปรากฏคราบกรุลักษณะไขขาวเกาะตามพื้นผิว และพระที่พบส่วนมากจะลงกรุ แต่ก็มีอีกจำนวนหนึ่งไม่ได้ลงกรุ
หม่อมเจ้าสมเด็จพระพุฒาจารย์ ( ทัด เสนีวงศ์) ท่านทรงเป็นศิษย์ใกล้ชิดของ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) สันนิษฐานว่าทรงสร้างพระสมเด็จปิลันทน์ ขึ้นมา เมื่อ พ.ศ.2407 ซึ่งในช่วงนั้นสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ได้ชราภาพมากแล้ว
พระเครื่องสองสมเด็จ เป็นอีกชื่อเรียกหนึ่งของพระปิลันทน์ เพราะสันนิษฐานกันว่า หม่อมเจ้าพระพุทธุปบาทปิลันทน์(สมณศักดิ์ขณะนั้น) ได้อาราธนาให้เจ้าประคุณสมเด็จฯ ร่วมอธิษฐานจิตปลุกเสกและขอผงวิเศษของเจ้าประคุณสมเด็จฯ มาเป็นมวลสารหลักด้วย
พิมพ์พระเครื่องของพระปิลันทน์ มีจำนวนมาก ที่จำแนกพิมพ์ออกมาคือ
พระพิมพ์ปิดตาเป็นอีกพิมพ์ที่หาชมได้ยาก
พระพิมพ์ซุ้มประตู
พระพิมพ์ครอบแก้วใหญ่
พระพิมพ์ครอบแก้วเล็ก
พระพิมพ์เปลวเพลิงใหญ่
พระพิมพ์เปลวเพลิงกลาง
พระพิมพ์เปลวเพลิงเล็ก
พระพิมพ์สี่เหลี่ยมปรกโพธิ์ใหญ่-กลาง-เล็ก
พระพิมพ์ปฐมเทศนา
พระพิมพ์โมคคัลลาน์ – สารีบุตรและ พระปิลันทน์จิ๋ว เป็นต้น
ด้านพุทธคุณนั้นเน้นเมตตามหานิยมและ แคล้วคลาด คงกระพัน
พระปิลันทน์เริ่มแตกกรุครั้งแรกจากพระเจดีย์องค์หนึ่ง โดยคนร้ายได้ลักลอบขุดเจาะพระเจดีย์ที่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของพระอุโบสถวัดระฆังฯ เมื่อปี 2471 เมื่อกรุแตกมีคนนำพระไปให้พระธรรมถาวรพิจารณา ท่านจำได้ว่าเป็นพระของหม่อมเจ้าสมเด็จพระพุฒาจารย์ ( ทัด เสนีวงศ์) ได้สร้างไว้สมัยยังดำรงตำแหน่ง พระพุทธุปบาทปิลันทน์ หลังจากนั้นทางวัดจึงได้เปิดกรุ และนำพระสมเด็จปิลันทน์บางส่วนมอบให้กระทรวงกลาโหมเพื่อแจกจ่ายให้กับทหารที่ออกรบในศึกอินโดจีนในช่วงนั้น
สมเด็จพระพุฒาจารย์ มีพระนามเดิมว่า หม่อมเจ้าทัด เสนีย์วงศ์ เป็นพระโอรสใน กรมหลวงเสนีย์บริรักษ์ ( พระองค์เจ้าแดง ) ในกรมพระราชวังบวรสถานภิมุข ( วังหลัง ) ประสูติเมื่อปี พ.ศ.2364 ตรงกับวันพุธแรม 9 ค่ำ เดือน 11 ปีมะเมีย ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2
พ.ศ.2413 ได้เป็นรักษาการเจ้าอาวาสวัดระฆังฯ แทน สมเด็จพระพุฒาจารย์ ( โต พรหมรังสี )ซึ่งชราภาพแล้ว และดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดระฆังภายหลังที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ ( โต พรหมรังสี )มรณภาพในปีพ.ศ.2415
หม่อมเจ้าสมเด็จพระพุฒาจารย์( ทัด เสนีวงศ์) มรณภาพ เมื่อวันอาทิตย์ ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 7 ปีชวด ตรงกับวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2443