นายกฯ มอบ ผบ.ตร. แจงแผนรับมือม็อบนัดชุมนุมใหญ่ 19 ก.ย. กำชับ จนท.ให้อดทน ไม่ใช้ความรุนแรง อุบเปิดตัวละครเบื้องหลัง ปัดใช้แผนกรกฎ 52 ฝากผู้ชุมนุมอยู่ในกรอบกฎหมาย
เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะแล้วกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ครั้งที่ 2/2563 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้มอบหมาย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) แถลงต่อสื่อมวลชนแทน ถึงการเตรียมรับมือการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 19 ก.ย. โดยใช้ชื่อว่า “19 กันยา ทวงอำนาจคืนราษฎร” ว่า เบื้องต้นได้ฟังจากการข่าวทราบว่าจะมีการชุมนุมในพื้นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เท่านั้น ส่วนที่แกนนำระบุว่าหากมีคนมาร่วมจำนวนมากจะใช้พื้นที่สนามหลวงจะอนุญาตหรือไม่นั้น ก็ต้องดูสถานการณ์ก่อน แต่เบื้องต้นแจ้งเพียงว่าจะชุมนุมในธรรมศาสตร์ ดังนั้นหากมีการเคลื่อนก็ต้องคุยกันหน้างานอีกครั้ง ไม่สามารถบอกอะไรได้ตอนนี้ ซึ่งต้องพิจารณาหลายปัจจัย เช่น ต้องดูว่ามาแล้วปลอดภัยอะไรหรือและปัจจัยอีกหลายอย่าง
เมื่อถามแกนนำผู้ชุมนุมได้ยื่นขออนุญาตใช้พื้นที่แล้วหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ยื่น ซึ่งต้องยื่นภายใน 24 ชั่วโมง อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรีไม่ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษ แต่กำชับให้เจ้าหน้าที่อดทนอย่างเดียวและอย่าใช้ความรุนแรง ซึ่งนายกฯ เป็นห่วงเรื่องการปะทะ และยื้อยุดฉุดกระชาก ซึ่งเป็นสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงอยู่แล้ว และยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สร้างเงื่อนไขและระวังตัวอยู่แล้ว ส่วนมั่นใจว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้หรือไม่ นั้น ก็อยู่ที่การพูดคุยกัน ซึ่งทุกม็อบก็มีแกนนำ ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่แล้วดังนั้นก็ต้องดูว่าอะไรได้หรือไม่ได้ แต่ก็จะอะลุ่มอล่วย ขณะเดียวกันยอมรับว่ามีความกังวลในเรื่องมือที่สาม เพราะหากไม่มีจะดีกว่า จึงต้องป้องกันอยู่แล้ว เพราะไม่ว่าม็อบอะไรเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับใครทั้งสิ้นแต่ต้องดูแล และจากการข่าวทราบว่า เบื้องต้นจะชุมนุมไม่เกิน 2 วัน
เมื่อถามว่าจากการข่าวระบุหรือไม่ว่าเป็นการชุมนุมธรรมดาหรือมีนักการเมืองอยู่เบื้องหลัง ผบ.ตร. กล่าวว่า เรื่องนี้ขอไม่เปิดเผยแต่เรารู้ตัวละครอยู่แล้วใครทำอะไรอย่างไรและแบ่งกันอย่างไร อย่างไรก็ตามขอฝากทุกม็อบให้อยู่ในกรอบของกฎหมายจะดีที่สุด เมื่อถามว่า แกนนำยืนยันว่าหากผู้ชุมนุมเกิน 5 หมื่นคนจะขยับเข้าพื้นที่สนามหลวงให้ได้ ผบ.ตร. กล่าวว่า จะกี่คนถ้าตั้งใจขยับก็ขยับ แต่ขอให้อยู่ในกรอบกฎหมาย ตนบอกทุกครั้งกฎหมายหากนับ 1 ก็ต้องไปที่ 2-3-4 ดังนั้นไม่อยากเห็นน้องๆ อยู่ในสถานการณ์แบบแกนนำในอดีตที่ต้องขึ้นโรงขึ้นศาล จึงฝากเป็นข้อคิดเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ต้องบังคับใช้กฎหมาย ส่วนที่ขณะนี้ยังมีการบังคับใช้ พรก.ฉุกเฉินจะใช้กำลังทหารมาร่วมหรือไม่นั้น ยืนยันว่า ทหารไม่เกี่ยว เป็นเรื่องตำรวจอย่างเดียว แต่เชื่อว่าถ้าพูดคุยกันเข้าใจก็ไม่ต้องใช้กำลังเจ้าหน้าที่จำนวนมาก ซึ่งจริงๆแล้วตนก็ไม่อยากใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยซ้ำ แต่จำเป็นต้องดูแลความปลอดภัยของคนที่ไม่เกี่ยวข้องด้วย
เมื่อถามว่า มั่นใจว่าจะคุยกับแกนนำรู้เรื่องใช่หรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ก็ต้องคุย แต่หากอยากให้บ้านเมืองวุ่นวายก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่เชื่อว่าจะคุยกันได้
ส่วนที่จะมีบางกลุ่มเคลื่อนไหวก่อนวันที่ 19 ก.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจจะออกหมายจับดำเนินคดีแกนนำก่อนชุมนุมใหญ่หรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า เราพยายามดูบริบทส่วนนี้ด้วย ว่าถ้าจับกุมแล้วจะนำไปสู่ความต่อเนื่องก็จะหลีกเลี่ยงอยู่แล้ว ส่วนจะใช้กำลังเจ้าหน้าที่หลายกองร้อยหรือไม่ ยังไม่ได้เตรียมการ แต่เบื้องต้นได้สำรวจหมดแล้วว่าพื้นที่มีคนจำนวนเท่าไหร่อย่างไรซึ่งย้ำว่าต้องดูแลความปลอดภัยให้ดีที่สุด ส่วนถือว่าเป็นงานยากหรือไม่นั้นที่ผ่านมาตนเองก็ผ่านม็อบมาเยอะ แต่ครั้งนี้แปลกจากที่ผ่านมาตรงที่ผ่านมาตรงที่เป็นน้องๆ นักศึกษาและมัธยม ดังนั้นความยากง่ายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
เมื่อถามว่า แกนนำได้ประเมินไว้ว่าจะมีแกนนำจากทั่วประเทศมาร่วม ผบ.ตร. กล่าวว่า เป็นแนวคิดที่จะสามารถรวบรวมชักจูงใครมาได้ และเจ้าหน้าที่ก็มีฐานข้อมูลของต่างจังหวัดอยู่แล้ว แต่ยืนยันไม่ได้ใช้แผนกรกฎ 52 เพราะไม่มีนโยบายใช้รุนแรงอยู่แล้ว และย้ำว่านายกฯ กำชับให้เจ้าหน้าที่อดทนจึงไม่มีใช้ชื่อแผนอะไรทั้งสิ้น แต่เป็นการดูแลความปลอดภัยตามปกติ
เมื่อถามว่ามองว่าเป็นการวัดกำลังก่อนเกษียณอายุราชการไปสมัครผู้ว่าหรือไม่ ผบ.ตร. กล่าวปฏิเสธว่า "ไม่เกี่ยวเลย เป็นงานปกติของผมอยู่แล้ว และวันชุมนุมผมก็จะอยู่ในพื้นที่อยู่แล้วไม่เคยไปไหน"