THAI NEWS

โดย กองบรรณาธิการ M2F

08 กันยายน 2563 : 16:25 น.

ศาลอาญาคดีทุจริตฯ นัดฟังคำสั่ง "วิระชัย ทรงเมตตา" อดีตรอง ผบ.ตร. ฟ้อง "บิ๊กแป๊ะ" ผบ.ตร. วันที่ 29 ต.ค.63 ปมถูกสั่งสำรองราชการ หลังให้แก้ฟ้องใหม่มีรายละเอียดครบตามกฎหมาย

เมื่อวันที่ 8 ก.ย. 63 ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี ศาลนัดฟังคำสั่ง/คำพิพากษาชั้นตรวจคำฟ้อง คดีหมายเลขดำ อท.127/2563 ที่ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา อดีต รอง ผบ.ตร. เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เป็นจำเลย ฐาน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือผู้หนึ่งผู้ใดฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา (ป.อ.) มาตรา 157

กรณี จำเลยในฐานะ ผบ.ตร.ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคลิปโทรศัพท์ที่บันทึกบทสนทนาหลุดออกมาเผยแพร่ ซึ่งทำให้ผู้ที่ได้ฟังเข้าว่าเป็นเสียงสนทนาระหว่างโจทก์-จำเลย จากเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืน ยิงใส่รถยนต์ของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล โดยระหว่างตรวจสอบโจทก์ถูกสั่งไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี และวันที่ 24 ก.ค.63 มีข้อสรุปของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง สำนักงานตำรวจแห่งชาติชุดดังกล่าวว่า โจทก์กระทำผิดวินัยร้ายแรง เป็นเหตุให้จำเลยออกคำสั่งสำรองราชการโจทก์ ทำให้โจทก์หมดสิทธิเข้ารับการพิจารณาแต่งตั้งเป็น ผบ.ตร.

โดยวันนี้ มีผู้รับมอบอำนาจโจทก์ มาศาล

ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์คำฟ้องโจทก์แล้ว โจทก์บรรยายฟ้อง อ้างว่าจำเลยกระทำความผิด ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 แต่โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องให้ครบถ้วน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิ.อ) มาตรา 158 ประกอบ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง ให้แจ้งชัดว่าจำเลยกระทำความผิดโดยมีพฤติการณ์ที่กล่าวหาว่ากระทำความผิดอย่างไร อีกทั้งไม่ได้ชี้ช่องพยานหลักฐานให้ชัดเจนเพียงพอที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปได้

ศาลจึงอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตฯ มาตรา 15 วรรคหนึ่ง และวรรคสาม ให้โจทก์แก้ฟ้องให้ถูกต้องครบถ้วน ตาม ป.วิ.อ มาตรา 158 ประกอบ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตฯ มาตรา 15 วรรคหนึ่ง โดยให้ดำเนินการดังต่อไปนี้

1.ให้โจทก์ บรรยายฟ้องให้ชัดแจ้งว่า การกระทำของจำเลย ที่โจทก์อ้างว่าเป็นความผิดตามฟ้องแต่ละข้อเป็นการกระทำที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามหรือฝ่าฝืนต่อกฎหมาย กฎ ประกาศ ระเบียบ ข้อบังคับ ข้อกำหนดหรือคำสั่งใด ๆ ในบทบัญญัติมาตราใด หรือข้อใดหรือไม่อย่างไร และจำเลยเกี่ยวข้องกับขั้นตอนกระบวนการดังกล่าวแต่ละขั้นตอนโดยมีหน้าที่ใดตามกฎหมาย กฎ ประกาศ ระเบียบ ข้อบังคับ ข้อกำหนด หรือคำสั่งใด ๆ ในบทบัญญัติมาตราใด หรือข้อใด อย่างไร รวมทั้งพฤติการณ์ของจำเลยนั้น

2.ให้ชี้ช่องพยานหลักฐานให้ชัดเจนว่ามีพยานหลักฐานใดที่สนับสนุน หรือแสดงให้เห็นถึงการ กระทำและพฤติการณ์เช่นนั้นของจำเลย ให้เพียงพอที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปได้

ทั้งนี้ เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องอ้างว่า จำเลยกระทำการอันเป็นความผิดต่อกฎหมายโดยปฏิบัติฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ขอให้ศาลลงโทษจำเลยนั้น แสดงให้เห็นว่าโจทก์ต้องทราบถึงความมีอยู่ หรือไม่มีอยู่ของการกระทำอันเป็นความผิดตามฟ้องโจทก์ ตลอดจนบทบัญญัติแห่งประกาศ ระเบียบ ข้อบังคับ ข้อกำหนด หรือคำสั่งใด ๆ ดังนั้นศาลจึงให้โจทก์จัดส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องอันสนับสนุนข้อเท็จจริงตามที่อ้างในคำบรรยายฟ้องโจทก์ รวมทั้งพยานหลักฐานอื่นหากมีต่อศาลให้ครบถ้วนด้วย พร้อมคำฟ้องที่ให้แก้ไขเพิ่มเติม

โดยให้โจทก์แก้ฟ้อง และจัดทำคำฟ้องฉบับสมบูรณ์ ยื่นต่อศาลแทนคำฟ้องฉบับเดิมภายใน 30 วันนับแต่วันนี้ (8 ก.ย.) กรณีมีพยานเอกสารที่เกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าวให้โจทก์ส่งให้ครบถ้วน

หากโจทก์ไม่ดำเนินการตามคำสั่งศาลที่กล่าวมาข้างต้นให้ถือว่าไม่ดำเนินกระบวนพิจารณาภายในระยะเวลาที่กำหนดซึ่งศาลอาจมีคำสั่งไม่รับฟ้อง

อย่างไรก็ดี หากโจทก์ไม่แก้ฟ้อง หรือแก้ฟ้องเข้ามาภายในกำหนดแล้วศาลจะถือเอาข้อเท็จจริงตามที่บรรยายมาในฟ้องหรือฟ้องที่แก้ไข และพยานหลักฐานต่าง ๆ ที่ได้ชี้ช่องไว้ ว่าเป็นข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการกระทำของจำเลยที่โจทก์ประสงค์จะนำเสนอในชั้นไต่สวนมูลฟ้องเพื่อให้เห็นว่าคดีของตนมีมูล

นอกจากนี้เพื่อให้ได้ความแจ้งชัดในข้อเท็จจริงแห่งคดี ศาลจึงอาศัยอำนาจข้อบังคับประธานศาลฎีกาว่าด้วยวิธีการดำเนินคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 ตามข้อ 16 วรรคหนึ่ง ประกอบข้อบังคับประธานศาลฎีกาว่าด้วยวิธีการดำเนินคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 ข้อ 3 ศาลจึงให้มีหนังสือถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อให้มีหนังสือชี้แจงเกี่ยวกับการดำเนินการกรณีต่าง ๆ ตามที่ปรากฏในฟ้องโจทก์พร้อมบทบัญญัติของกฎหมาย กฎ ประกาศ ระเบียบ ข้อบังคับ ข้อกำหนด หรือคำสั่งใด ๆ ที่ยกขึ้นอ้างเพื่อดำเนินการในกรณีดังกล่าวว่าเป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมาย หรือคำสั่งใด ๆ ในบทบัญญัติมาตราใด หรือข้อใด อย่างไร โดยให้สตช.มีหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงต่อศาล ภายในวันที่ 8 ต.ค.นี้

ทั้งนี้ ศาลได้มอบหมายให้เจ้าพนักงานคดี (เจ้าพนักงานประจำศาล) ที่รับผิดชอบสำนวนคดีนี้ ตรวจฟ้องโจทก์ที่แก้ไขแล้วทำรายงานเสนอต่อศาลก่อนวันนัดเวลา 7 วันด้วย โดยศาลกำหนดนัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษาในวันที่ 29 ต.ค.นี้ เวลา 10.00 น.

ด้านนายทวีชัย พันธุ์สง่า ทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก พล.ต.อ.วิระชัย อดีตรองผบ.ตร. เปิดเผยภายหลังฟังคำสั่งศาลว่า วันนี้ศาลฯ มีคำสั่งให้ทนายความแก้ฟ้องเพิ่มเติม โดยให้บรรยายรายละเอียดการปฏิบัติหน้าที่ของโจทก์ และ ศาลยังให้โจทก์ เขียนบรรยายฟ้องเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของจำเลยให้ชัดเจน นอกจากนี้ศาลจะส่งเรื่องนี้ไปยัง สตช. ซึ่งเป็นหน่วยงานต้นสังกัดของทั้งสองคน เพื่อเปิดโอกาสให้ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีมีการฟ้องร้องระหว่างกัน โดยทนายความคาดว่า จะส่งคำฟ้องฉบับสมบูรณ์ได้ภายในวันที่ 8 ต.ค.นี้

ส่วนรายละเอียดของคดีความที่มีการฟ้องร้อง ทีมทนายความ ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดอ้างว่า พล.ต.อ.วิระชัย จะเป็นผู้แถลงข่าวทั้งหมดในอนาคต

ข่าวเด่น

ข่าวที่น่าสนใจ