.
โดย...อาจารย์ชวินทร์ chavintapoti@gmail.com
*******************************
วันนี้มาชมของดีทางใต้กันครับ เพิ่งมีโอกาสได้เห็นองค์จริงเป็นครั้งที่สอง เคยเห็นองค์จริงครั้งแรกก็หลายสิบปีแล้ว มาชม พระปิดตาบางแซะพิมพ์ใหญ่ ฝังกระดาษสาใต้ฐาน จากรัฐกลันตัน มาเลเซียกันครับ
พระปิดตาบางแซะองค์นี้ หรือพระปิดตาที่หลวงพ่อครน แห่งวัดอุตตมาราม ตำบลตรีเป็ด รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซียสร้าง เป็นพระเนื้อผงคลุกรัก จุดที่พิจารณากันคือลายมือของท่านที่ลงจารไว้ องค์พระได้สัดส่วนสวยงาม ความแห้งเก่าของเนื้อผงคลุกรักก็เป็นอีกประการหนึ่งที่เป็นจุดพิจารณาที่สำคัญ
นอกจากนี้ พระปิดตาบางแซะยังเป็นพระเครื่องที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคือเป็นพระปั้นลอยองค์ มีทั้งที่มีจารและไม่มีจาร และมีพิมพ์สองหน้า นอกจากเนื้อหาที่สร้างจากมวลสารเนื้อผงคลุกรักแล้ว ยังมีสร้างจากงาช้างแกะ,เขาควายแกะ,เขากวางแกะ,แก่นไม้แดงแกะ โดยสร้างขึ้นมาในห้วงปี พ.ศ. 2470 ถึง ปี พ.ศ. 2480
รูปแบบพระปิดตาที่ท่านสร้างจะมีอยู่ 2 แบบคือ 1.พระปิดตาที่บรรจุกระดาษสาจารยันต์และฝังอยู่ในองค์พระมองดูเหมือนตะกรุดฝังอยู่ และ 2.พระปิดตาที่ไม่มีฝังกระดาษสาและจารยันต์นอกทั้งองค์
พระปิดตาที่ท่านสร้างมีหลายพิมพ์เช่น พิมพ์ใหญ่จัมโบ้,พิมพ์ใหญ่ชะลูด,พิมพ์ใหญ่ต้อและพิมพ์กลาง มีทั้งแบบพิมพ์มีหูและพิมพ์ไม่มีหูและพิมพ์พิเศษเช่น พิมพ์กลีบบัว,พิมพ์สองหน้า,พิมพ์รูปเหมือน ฯลฯ ส่วนการสร้างในช่วงปี พ.ศ. 2480 จะเป็นพระกดออกมาจากบล็อกแม่พิมพ์แล้วตกแต่งรายละเอียดนิ้วมือนิ้วเท้าอีกครั้งหนึ่งที่สำคัญคือ แต่ละองค์หลังจากตกแต่งแล้วไม่เหมือนกันเลย
หลวงพ่อครน หรือพระวิจารณญาณมุนี ท่านเป็นชาวบ้านบางแซะโดยกำเนิด มีบันทึกว่า ท่านเกิดเมื่อปี พ.ศ.2419 โยมบิดาชื่อโยมชุม โยมมารดาชื่อโยมแก้ว นามสกุล ราษฎร์เจริญ เมื่อเข้าสู่วัยหนุ่มท่านอุปสมบทที่วัดบางแซะ และมาศึกษาเล่าเรียนทั้งปริยัติและปฏิบัติที่ จังหวัดสงขลา โดยท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดหัวใจ และได้ศึกษาวิทยาคมจากพระเกจิอาจารย์ เช่น หลวงพ่อปาน วัดโคกสมานคุณ หาดใหญ่ หรือแม้แต่หลวงพ่ออินทร์ อำเภอตากใบ และสันนิษฐานว่าท่านได้ไปศึกษาที่เขาอ้อด้วย
หลังจากท่านได้เป็นเจ้าอาวาสวัดบางแซะแล้ว ท่านก็เริ่มพัฒนาวัดบางแซะโดยความร่วมมือของชาวบ้านในแถบนั้น และท่านก็ได้เปิดการสอบบาลีนักธรรมและกรรมฐานแก่พระภิกษุ สามเณร โดยท่านเป็นผู้สอนกรรมฐานเอง
วัดบางแซะเป็นวัดไทย ที่ไปตั้งอยู่ในประเทศมาเลเซีย อันเนื่องมาจากเหตุการณ์ประเทศสยาม(ไทย)มีข้อพิพาทกับอังกฤษ ในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่ออังกฤษยึดครองมาเลเซียได้ ก็อ้างกรรมสิทธิ์เหนือพื้นที่ รัฐกลันตัน ไทรบุรี ตรังกานู ซึ่งเป็นดินแดนคาบเกี่ยวที่อยู่ในปกครองของสยาม
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 จึงตัดสินพระทัย ยอมสละแผ่นดินส่วนคาบเกี่ยวนี้เพื่อลดข้อพิพาทและข้ออ้างที่จะก่อสงครามรุกรานแผ่นดินไทยในสมัยนั้น วัดบางแซะหรือวัดอุตตมาราม จึงกลายไปเป็นวัดไทยในประเทศมาเลเซีย และหลวงพ่อครน ท่านก็อยู่ครองวัดและเป็นที่เคารพศรัทธาของคนไทยพุทธ และคนไทยมุสลิม ท่านไม่เลือกชั้นวรรณะและศาสนา ท่านครบเครื่องทั้งวิชาแพทย์แผนโบราณและวิปัสสนากรรมฐาน ใครมีทุกข์ร้อนมาหาท่าน ท่านช่วยทั้งหมด ท่านช่วยเหลือทั้งไทยพุทธและมุสลิม พุทธคุณพระเครื่องของท่านนั้น ให้โชค ให้ลาภ แคล้วคลาด จนชื่อเสียงโด่งดังไปทั้งไทยและมาเลเซีย
ปีพ.ศ.2476 หลวงพ่อก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์เพื่ออุปสมบทและบรรพชาให้แก่ ชาวบ้านบางแซะ และตำบลใกล้เคียง ปีพ.ศ.2488 หลวงพ่อก็ได้เลื่อนจากพระครูชั้นพิเศษฝ่ายวิปัสสนาขึ้นเป็นพระราชาคณะสามัญ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ โดยได้รับพระราชทานทินนามที่ "พระวิจารณญาณมุนี" และดำรงตำแหน่งเจ้าคณะใหญ่ในรัฐกลันตัน นับเป็นพระราชคณะรูปแรกของรัฐกลันตัน ต่อมาจนถึงปีพ.ศ.2505 หลวงพ่อครนท่านก็มรณภาพลง สิริอายุได้ 88 ปี พรรษาที่ 67