นายกฯ ระบุอย่าเพิ่งดีใจแม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 จะลดลง วิงวอนสังคมอย่าเร่งไปสู่ระยะที่ 4 ต้องไปทีละขั้นตอนวอนประชาชนให้ความร่วมมือ
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เปิดเผยว่า ต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในมาตรการผ่านปรนระยะที่ 3 ซึ่งได้กำชับฝ่ายความมั่นคง สาธารณสุข ท้องถิ่นว่าที่ผ่อนผันไปแล้ว มีความร่วมมือกันแค่ไหน อย่างไร จึงจะมีแนวทางไปสู่ระยะที่ 4 ได้ในอนาคต ดังนั้นระยะที่ 4 อย่าเร่งรัดกันนัก ต้องดูระยะที่ 3 ก่อนว่าจะไปได้แค่ไหนอย่างไร ฉะนั้น สิ่งสำคัญวันนี้คือ เราต้องยอมรับขีดความสามารถด้านการสาธารณสุข หมอ แพทย์ พยาบาล ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร ซึ่งจะต้องช่วยกันดูแลอย่างเต็มที่ เสียสละเวลาไม่มีวันหยุดราชการ ผลัดกันทำงานทั้งกลางวันกลางคืน สิ่งสำคัญที่สุดคือความร่วมมือจากภาคประชาชน นั่นคือความปลอดกภัยของท่าน
นายกฯ กล่าวว่า ขณะเดียวกันได้มีการผ่อนผัน เพื่อให้เห็นถึงความสำคัญในเรื่องเศรษฐกิระดับฐานราก ต้องปกป้องตัวของท่านเองด้วย ไม่เช่นนั้น เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดมาอีกครั้ง จะป็นสิ่งที่น่าเสียใจสำหรับทุกคน จึงขอเตือนคนที่ยังไม่ค่อยปฏิบัติตามระเบียบ จะถือว่าทำให้คนอื่นเดือดร้อน ท่านจะต้องรักคนอื่นด้วยนอกจากรักตัวเอง รักความสุนกสนาน ความสะดวกสบายของตัวเอง จะต้องรักคนอื่นบ้าง วันนี้ประเทศไทย จะต้องรวมกันเป็นหนึ่งให้ได้ จากสถานการณ์โควิด-19
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อตลอด 7 วันที่ผ่านมา พบว่ามีตัวเลขที่ลดลง หรือบางวันก็เป็น 0 ที่พบเฉพาะผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ โดยพบในสถานที่กักกันของรัฐ ตรงนี้ป็นสิ่งที่น่ายินดี แสดงว่ามาตรการต่างๆที่เราทำมาถือว่าได้ผล ไม่ไปแพร่ระบาดในพื้นที่เปิด ซึ่งเป็นผลจากการที่เราเอาคนเข้ามาดูแล มันอาจมีปัญหาบ้าง ไม่ได้รับความสะดวกสบาย แต่ตนเห็นว่ามันเป็นมาตรฐานที่จำเป็น และรัฐบาลจะต้องใช้จ่ายงบประมาณไปจำนวนหนึ่งในการดูแล
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลญี่ปุ่น กำลังจะอนุญาตให้คนไทยเข้าประเทศได้ รัฐบาลไทยคิดอย่างไร และรัฐบาลไทยจะมีอนุญาตให้คนญี่ปุ่นเข้ามาประเทศไทยได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องดีใจ ยินดี แต่เราต้องดูมาตรการที่เหมาะสมก่อนว่าจะไปกันอย่างไร เราจะไปแพร่เขาหรือเขาจะติดจากเราหรือไม่ ต้องหารือทั้งสองฝ่าย ตนบอกแล้ว เมื่อไรที่สถานการณ์ดีขึ้น การท่องเที่ยวก็จะเปิดในลักษณะประเทศต่อประเทศ และต้องเป็นการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ ควบคุมได้ จะต้องมีมาตรการเป็นขั้นตอนไม่ใช่เปิดเสรี แล้วอลหม่านไปหมด แล้วก็จะกลับมาที่เดิม เราต้องเตรียมความพร้อมไว้ก่อน วันหน้าเราจะเปิดประเทศของเราในการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ