THAI NEWS

โดย กองบรรณาธิการ M2F

03 พฤษภาคม 2563 : 17:37 น.

.

โดย...อาจารย์ชวินทร์ chavintapoti@gmail.com

“ มีความเชื่อต่อกันมาจากโบราณว่า พุทธคุณของพระเครื่องที่สร้างจากโลหะเมฆสิทธิ์นั้น หากมีเรื่องเคราะห์ร้ายก็จะช่วยให้กลายเป็นดีได้ และสามารถสื่อล่วงหน้าได้ ถ้าจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้นกับผู้ที่บูชา “

วันนี้ชม พระปิดตาเมฆสิทธิ์พิมพ์เล็กแต่ง หลังอูมของ หลวงพ่อทับ วัดอนงคาราม เขตคลองสาน กรุงเทพฯ ท่านเป็นพระลูกวัดของวัดอนงคาราม ที่เก่งทางคาถาอาคม เชี่ยวชาญในการเล่นแร่แปรธาตุ มีวิชาเพ่งเตโชกสิณซึ่งเป็นกสิณไฟเพื่อหลอมรวมแ

หากบูชาแล้วสีเข้มแวววาวมากขึ้นก็แสดงว่าดวงดียิ่งขึ้น หากแต่บูชาแล้ว สีเขียวเข้มแบบปีกแมลงทับขององค์พระเปลี่ยนสีเป็นดำ นั่นหมายถึงดวงของเจ้าของพระเริ่มตก จะพบกับเหตุการณ์ที่เลวร้าย หากจะต้องเดินทางก็ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ หรือยกเลิกการเดินทางนั้น

ถ้าจำเป็นต้องเดินทางก็ให้นำพระเนื้อเมฆสิทธิ์ลงแช่น้ำสะอาด พร้อมกับตั้งจิตอธิษฐาน ทำน้ำพระพุทธมนต์อันศักดิ์สิทธิ์ บันดาลให้เกิดการแคล้วคลาด เป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง แล้วนำมาปะพรมศีรษะพร้อมกับดื่มน้ำมนต์นั้น เพื่อเปลี่ยนดวง ให้รอดพ้นจากภัยอันตรายและศัตรูที่คิดร้ายต่อเรา

การพิจารณาพระปิดตาเมฆสิทธิ์ พิมพ์เล็กแต่ง หลังอูมนั้น

เริ่มจากศึกษากรรมวิธีการสร้างจะเป็นแบบหยอดเนื้อลงบนแม่พิมพ์ด้านหน้า ทำให้โลหะเมฆสิทธิ์ล้นขึ้นมาทำให้ด้านหลังมีลักษณะหลังอูม จะไม่มีรอยช่อชนวนให้เห็น หรือเรียกว่าการสร้างแบบ "เบ้าหก"

-จะปรากฏขอบพระให้เห็นเพราะเป็นการเทแบบ "เบ้าหก"ที่มีแม่พิมพ์ด้านหน้าอย่างเดียว

-สีของพระเมฆสิทธิ์ จะออกสีเขียวเข้มเหมือนสีปีกแมงทับ

-ผิวพระจะต้องแห้งเป็นธรรมชาติ

-สีจะเสมอกันทั้งองค์ มีความวาวเข้มขลังในตัว

-ร่องรอยการแต่งพิมพ์ รอยแต่งที่นิ้วจะแทงตะไบทีเดียว ไม่มีรอยต่อ

-ที่ท้องจะแต่งเป็นสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน

-ตามซอกจะปรากฏคราบออกไซด์

ด้านหลังองค์พระ หลังจะอูมพอดี ไม่มากเกินไป

-มีร่องรอยตะไบเก็บความเรียบร้อย

-ผิวจะมีร่องรอยเป็นธรรมชาติ

-ผิวพระเมฆสิทธิ์นั้น ถ้านำน้ำมะนาวหรือน้ำยาขัดสนิมมาขัดจะเห็นเนื้อในเป็นสีขาว แต่เมื่อทิ้งไว้ก็จะกลับมาเป็นสีเขียวดั่งเดิม หากไม่ใช่โลหะเมฆสิทธิ์ สีจะเป็นเหมือนสีตะกั่ว

โลหะเมฆสิทธิ์ประกอบด้วยแร่ธาตุ 4 ชนิดคือ เงิน สังกะสี ทองแดง และปรอท กรรมวิธีการสร้างเกิดจากการเล่นแร่แปรธาตุ เพราะขณะที่ทำการหลอมรวมจะต้องบริกรรมพระคาถากำกับไปด้วย

หลวงพ่อทับ ท่านเพ่งเตโชกสิณซึ่งเป็นกสิณธาตุไฟ ทำให้เกิดความร้อนในการหลอมแร่ธาตุคงที่ เพื่อให้ได้พระเครื่องโลหะเมฆสิทธิ์ และในระหว่างการหลอม ท่านจะเสกซัดแร่ส่วนผสมและปรอทเป็นมวลสาร และใช้คาถาอาคมให้แร่ทั้งหมดเปลี่ยนวรรณะจนเป็นโลหะเมฆสิทธิ์

โลหะเมฆสิทธิ์ที่ได้จะมีลักษณะแข็ง แต่ไม่แกร่ง ตกหล่นแล้วแตกทันที ในระยะแรกของการหล่อเสร็จ วรรณะของพระเมฆสิทธิ์จะออกขาว เมื่อนำมาแช่น้ำร้อนหรือสัมผัสอากาศจะค่อยเปลี่ยนเป็นสีเขียว

หลวงพ่อทับ ท่านได้จัดสร้างพระเมฆสิทธิ์ไว้หลายพิมพ์ เช่นพิมพ์ที่เป็นที่นิยมคือพิมพ์ปางซ่อนหา พิมพ์ใหญ่ ซึ่งมีทั้งพิมพ์แต่งและพิมพ์ไม่แต่ง และพิมพ์ปิดตา พระพิมพ์หลวงปู่ศุข พิมพ์ประภามณฑลซุ้มโค้ง-ซุ้มรัศมี พิมพ์พระชัยหัวไม้ขีด พิมพ์ซุ้มชินราช นอกจากนี้ยังหล่อเป็นลูกอมเมฆสิทธิ์ และหัวแหวนเป็นต้น 

พระเมฆสิทธิ์ของหลวงพ่อทับทุกองค์ จะต้องคราบความเก่าให้เห็น เพราะอายุร่วม 100 ปี มีเรื่องเล่าว่าพระเนื้อเมฆสิทธิ์หากเก็บไว้ในที่มืดเช่นในตู้เซฟ เนื้อพระจะเป็นสีเขียวเข้มมาก เมื่อนำมาถูกแสงสว่างหรือสัมผัสเหงื่อจากการใช้  ผิวพระจะคืนเป็นสีเดิมเป็นที่น่าอัศจรรย์

ด้านพุทธคุณของพระเมฆสิทธิ์นั้น นอกจากสามารถคุ้มครองดวงชะตามิให้ตกต่ำแล้ว ยังมีคุณวิเศษด้านเมตตามหานิยมให้โชคให้ลาภ แคล้วคลาดปลอดภัย โบราณยังกล่าวว่า พระเนื้อเมฆสิทธิ์ถ้าบูชาคู่กับ พระราหูกะลาตาเดียวของหลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง คนที่เคราะห์ร้ายก็จะกลายเป็นดี หนุนดวงชะตาให้ดีขึ้นให้มีแต่ความมั่นคงและสามารถอธิษฐานขอทรัพย์ได้ทุกเมื่อ

ข่าวเด่น

ข่าวที่น่าสนใจ