มท.1 แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.สำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ พ.ศ. 2497 เร่งสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ทั่วประเทศให้เป็นไปตามกฎหมาย ป้องกันกลุ่มบุคคลฉวยโอกาสกักตุนและขึ้นราคาสินค้าทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนช่วงโควิด-19 ระบาดมีผลถึงปลายปี
เมื่อวันที่ 14 เม.ย. คณะกรรมการสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ฯ ซึ่งมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เป็นประธานได้มีคำสั่งแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ พ.ศ. 2497 มีอำนาจในการดำเนินการกับผู้ฉวยโอกาสกักตุนโภคภัณฑ์ เครื่องอุปโภคบริโภค และสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวันของประชาชน เพื่อประสงค์ให้โภคภัณฑ์ดังกล่าวขาดแคลนในท้องตลาด ราคาจะได้สูงขึ้นเป็นการกระทำที่เอารัดเอาเปรียบและสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนและสังคม จึงมีความจำเป็นต้องบังคับใช้พระราชบัญญัติสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ พ.ศ. 2497 อย่างจริงจังในช่วงโรคโควิด-19 ระบาด
ทั้งนี้ ได้มีประกาศคณะกรรมการฯ เรื่อง กำหนดระยะเวลาทำการสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ของพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อกำหนดระยะเวลาทำการสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ของพนักงานเจ้าหน้าที่ในกรุงเทพมหานครและจังหวัดอื่น โดยให้พนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ในการสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ในเขตท้องที่ตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย. 2563 ซึ่งเป็นวันที่คณะกรรมการสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ออกประกาศ ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2563
อย่างไรก็ตาม ได้มีประกาศคณะกรรมการฯ เรื่อง กำหนดพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจ และแบบเอกสารในการดำเนินการ เพื่อกำหนดผู้มีอำนาจในการออกหนังสือสอบถามและหนังสือเรียกมาให้ถ้อยคำ และการออกประกาศการแจ้งปริมาณและสถานที่เก็บโภคภัณฑ์ และห้ามการยักย้ายโภคภัณฑ์ออกจากสถานที่เก็บ หรือเปลี่ยนแปลงสภาพของโภคภัณฑ์ การอนุญาตให้ยักย้ายโภคภัณฑ์ออกจากสถานที่เก็บ หรือเปลี่ยนแปลงสภาพของโภคภัณฑ์ และการออกคำสั่งบังคับขาย คำสั่งยึดและบังคับซื้อโภคภัณฑ์
นอกจากนั้น ได้ออกประกาศคณะกรรมการฯ เรื่อง กำหนดวิธีการขายโภคภัณฑ์ การยึดและบังคับซื้อโภคภัณฑ์ เพื่อกำหนดวิธีการ ราคา และปริมาณ ในการสั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองโภคภัณฑ์ขายโภคภัณฑ์ และการปิดประกาศสั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองโภคภัณฑ์ขายโภคภัณฑ์ การกำหนดวิธีการ ราคา และปริมาณ ในการยึดและบังคับซื้อโภคภัณฑ์ที่พนักงานเจ้าหน้าที่สำรวจพบว่ามีการกักตุน ในกรณีต่าง ๆ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2563 เป็นต้นไป
พล.อ.อนุพงษ์ ได้เน้นย้ำให้พนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อดำเนินการกับบุคคลบางกลุ่มที่ฉวยโอกาสแสวงหาผลประโยชน์ด้วยการกักตุนสินค้า เพื่อให้เกิดผลดีต่อพี่น้องประชาชนและประโยชน์สาธารณะต่อไป