THAI NEWS

08 เมษายน 2563 : 16:53 น.

เลขาฯศาลยุติธรรมแจงติดกำไล EM ผู้ฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉินทั่วประเทศ 2,815 ราย พร้อมสั่งเจ้าหน้าที่ตรวจดูพฤติกรรมพบวันละ 20 - 40 รายมีเคลื่อนไหวออกนอกบ้าน

เมื่อวันที่ 8 เม.ย. นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เปิดเผยว่าตามที่รัฐบาลได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และประกาศเคอร์ฟิวในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร โดยห้ามบุคคลใดออกนอกเคหสถาน ระหว่างเวลา 22.00 - 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ซึ่งมีการติดติดอุปกรณ์ EM สำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนไปแล้วทั่วประเทศ 2,815 ราย

ทั้งนี้ ได้รับการรายงานว่า มีประมาณวันละ 20 - 40 รายที่พบการเคลื่อนไหวเกิน 40 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในช่วงเวลา 22.00-04.00 น.ได้กำชับเจ้าหน้าที่โทรศัพท์สอบถามทุกราย ทราบว่าส่วนใหญ่อยู่ระหว่างเดินทางกลับจากงาน หรือทำงานด้านขนส่งสินค้า แต่พบบางรายไปงานเลี้ยงสังสรรค์ หรือออกจากบ้านโดยไม่มีเหตุอันสมควร เช่น ไปกดเงินจากตู้เอทีเอ็ม, ไปซื้อของ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ตักเตือนให้ทราบว่า ในเวลานี้เป็นช่วงคำสั่งห้ามออกนอกเคหสถาน โดยไม่ได้รับการยกเว้นและเหตุจำเป็นอื่นๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

อย่างไรก็ตาม มีบุคคลผู้ได้รับการปล่อยชั่วคราวโดยศาล หรือที่เรียกว่า“ศูนย์ EM” เป็นหน่วยงานภาครัฐที่ร่วมมือในการสอดส่องดูแลความสงบเรียบร้อยให้เป็นไปตามมาตรการของรัฐบาล โดยการจัดเวรผู้ปฏิบัติงานในศูนย์ช่วงเวลากลางคืนทำการตรวจสอบผู้สวมใส่กำไลข้อเท้าอิเล็กทรอนิกส์ (EM) โดยวิธีจับระดับความเร็วในการเคลื่อนไหวเกิน 40 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งเชื่อว่า อยู่ในยานพาหนะ เพื่อลดการสัญจร สามารถตรวจสอบผู้ติดอุปกรณ์ EM ครอบคลุมทุกพื้นที่ในประเทศไทย

นอกจากนี้ ได้มีการรายงานพฤติการณ์จำเลยไปยังศาลเพื่อทราบและพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ส่วนกรณีที่ศาลมีคำสั่งห้ามผู้ติดอุปกรณ์ EM รายใดเป็นการเฉพาะ ออกนอกเคหสถานโดยจำกัดช่วงเวลาไว้แล้ว จะมีการแจ้งเตือนมายังศูนย์ EM ทันที โดยไม่ต้องใช้วิธีจับความเร็วในการเคลื่อนไหว โดยมาตรการดังกล่าวเป็นการส่งเสริม และให้ความร่วมมือตามแนวนโยบายรัฐบาล เพื่อป้องกัน สกัดกั้น และชะลอการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมาพบว่าศาลมีคำสั่งให้จำเลยติดอุปกรณ์ EM ในข้อหาฝ่าฝืนพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 จำนวน 6 คดี

ข่าวเด่น

ข่าวที่น่าสนใจ