ศาลอาญา พิพากษาจำคุก 5 ผู้ค้าหน้ากากอนามัยเกินราคา 6 เดือน - 1 ปี 6 เดือน ชี้พฤติการณ์ฉกฉวยเอาเปรียบ ส่วนอีก 2 คนมีปริมาณน้อยไม่เคยติดคดีอาญามาก่อน ให้รอลงอาญาไว้ ปรับ 2.5 หมื่น

เมื่อวันที่ 19 มี.ค. 63 พนักงานอัยการคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร ได้ยื่นฟ้องจำเลยรวม 7 คนในความผิดฐานจำหน่ายหน้ากากอนามัยซึ่งเป็นสินค้าควบคุม ในราคาสูงเกินสมควร ขณะที่จำเลยทั้ง 7 คนได้ทำบันทึกยินยอมมอบของกลางเพื่อแจกจ่ายให้โรงพยาบาลต่างๆ ที่จะเป็นสาธารณะประโยชน์ด้วย โดยอัยการได้แยกฟ้องจำเลยแต่ละคน เป็นคนละสำนวน รวม 7 สำนวน

ขณะที่ ศาลสอบคำให้การจำเลยทั้งหมดแล้ว ให้การรับสารภาพทั้งหมด ซึ่งจำเลยรายที่1 ถูกกล่าวหามีหน้ากากอนามัยสีเขียวไว้ในครอบครองจำนวน 4,000 ชิ้น และจำหน่ายเกินราคา ศาลพิพากษาให้จำคุก 3 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี 6 เดือน รายที่ 2 มีหน้ากากอนามัย จำนวน 750 ชิ้น พิพากษาจำคุก 2 ปี ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี รายที่ 3 มีหน้ากากอนามัย จำนวน 125 ชิ้น , รายที่ 4 มีหน้ากากอนามัย จำนวน 150 ชิ้น, รายที่ 5 มีหน้ากากอนามัย จำนวน 150 ชิ้น พิพากษาจำคุก 1 ปี ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุกไว้คนละ 6 เดือน

ศาลพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่า จำเลยทั้ง 5 คนมีการกระทำอันเป็นการฉกฉวยโอกาสที่โรคไวรัสโควิด-19 อุบัติร้ายแรงแพร่ระบาดไปทั่วโลก บุคลากรทางแพทย์และประชาชนมีความจำเป็นต้องใช้หน้ากากอนามัย สร้างความเดือดร้อนไปทั่ว แต่จำเลยทั้ง5 กลับจำหน่ายหน้ากากอนามัยเกินราคาควบคุมที่กฎหมายกำหนดไว้ จึงไม่ให้รอการลงโทษ (ไม่รอลงอาญา)

ส่วน จำเลยรายที่ 6 ที่มีหน้ากากอนามัย จำนวน 50 ชิ้น และ จำเลยรายที่ 7 มีหน้ากากอนามัย จำนวน 8 ชิ้น พิพากษาจำคุกคนละ 1 ปี และปรับคนละ 50,000 บาท ลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุกจำเลยคนละ 6 เดือน และปรับคนละ 25,000 บาท โดยพิเคราะห์พฤติการณ์จำเลยทั้ง 2 คนแล้วมีของกลางปริมาณน้อย และไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จึงให้รอการลงโทษ (รอลงอาญา) ไว้มีกำหนดคนละ 2 ปี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากมีคำพิพากษาแล้ว ในส่วนของจำเลย 5 คนที่ถูกพิพากษาจำคุกโดยไม่รอลงอาญา เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัวจำไปคุมขังไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลางต่อไป เนื่องจากวันนี้จำเลย 5 คนดังกล่าวยังไม่ได้ยื่นคำขอและหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราว