ผู้ตรวจการแผ่นดินบุกตรวจโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยย่านปากเกร็ด ยันผลิตให้กรมการค้าภายในเดือนละ 12 ล้านชิ้น โบ้ยที่ขายเกลื่อนในออนไลน์ไม่ใช่ของโรงงาน
เมื่อวันที่ 19 มี.ค. สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ร่วมกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เข้าตรวจบริษัท ไทยฮอสพิทอล โปรดักส์ จำกัด โรงงานผู้ผลิตหน้ากากอนามัยรายใหญ่ย่านปากเกร็ด จ.นนทบุรี เพื่อดูกระบวนการขั้นตอนการผลิตหน้ากากอนามัย คุณภาพ ปริมาณการผลิตต่อครั้ง และระบบการจำหน่ายก่อนส่งให้ผู้ค้าต่อไป
ทั้งนี้ เป็นผลมาจากนายศรีสุวรรณ จรรยา ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้แสวงหาข้อเท็จจริงกรณีความเดือดร้อนของประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์ อันเนื่องมาจากการไร้ประสิทธิภาพในการปฏิบัติการจำหน่าย จ่าย แจก หน้ากากอนามัยให้กับสถานพยาบาล ร้านค้า และประชาชนทั่วไปเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19
พ.ท.เทพจิต วีณะคุปต์ ผอ.สำนักสอบสวน 4 สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจาก พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้เร่งดำเนินการสวบสวนหาข้อเท็จจริง จึงเข้าสุ่มตรวจและขอข้อมูลจากบริษัทไทยฮอลพิทอล โปรดักส์ จำกัด โดยได้รับทราบข้อมูลจากนายไพศาล จารุรักษา ผู้จัดการโรงงานและนายชินวัฒน์ มธุรพร รองประธานบริหาร ของบริษัทไทยฮอลพิทอล โปรดักส์ จำกัด ว่า ทางโรงงานรับการผลิตหน้ากากอนามัยทางการแพทย์เพื่อส่งออกโดยตรง ตามที่ได้รับสิทธิ์ BOI ซึ่งหน้ากากที่ส่งออกนั้นเป็นลิขสิทธ์ในต่างประเทศ และเป็นประเภทที่ไม่มีการใช้ในประเทศไทย
ทั้งนี้ ยอดการผลิตหน้ากากอนามัย โดยปกติก่อนมีการประกาศควบคุมโรงงานผลิตส่งออกเดือนละ 12-15 ล้านชิ้น และผลิตส่งขายในไทยเดือนละ 1 ล้านชิ้น หลังมีประกาศควบคุมวันที่ 5 ก.พ.63 ทางโรงงานได้ปรับไลน์การผลิตหน้ากากอนามัยที่ใช้ในประเทศเป็น 5 ล้านชิ้นโดยจัดส่งยอดการผลิต 50%ให้กรมการค้าภายใน 1.7ล้านชิ้น และองค์การเภสัช 7 แสนชิ้น ส่วนอีก 50% ส่งให้กับผู้ค้าปกติ เช่น โรงพยาบาลรัฐและเอกชน คลินิค ส่วนเดือนมีนาคม หลังมีการประกาศเป็นสินค้าควบคุม 100% ทางโรงงานได้รับการร้องขอจากกรมการค้าภายใน ให้เพิ่มการผลิต ทางโรงงานให้ความร่วมมือ
อย่างไรก็ตาม มีการเพิ่มการผลิตเป็น 24 ช.ม. ปรับไลน์การผลิตส่งให้กรมการค้าภายในตั้งแต่ 450,000-1,000,000 ชิ้น เฉลี่ยตอนนี้ส่งให้เดือนละ 12 ล้านชิ้น ส่วนไลน์การผลิตส่งออกปรับลดเหลือผลิตเดือนละ 6-8 ล้านชิ้น ซึ่งตั้งแต่วันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมาทางบริษัทไม่สามารถส่งหน้ากากอนามัยที่ติดลิขสิทธิ์และสัญญา Boiไปต่างประเทศได้ ทำให้มีสต๊อกค้างอยู่ที่ 10 ล้านชิ้น
นายไพศาล กล่าวถึงหน้ากากอนามัยที่วางขายตามตลาดออนไลน์และส่งออกว่า ไม่ใช่ของโรงงานที่ผลิตเพราะหน้ากากอนามัยทุกชิ้นที่ผลิตทางโรงานได้ระบุในเอกสารใบส่งสินค้าให้กับกรมการค้าภายในทุกชิ้น พร้อมหนังสือแจ้งยอดการผลิตตามคำสั่งเลขาธิการคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ อีกทั้งที่โรงงานมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานรัฐมาเฝ้า 7 คน ตลอด 24 ชม. ไม่มีช่องทางใดที่จะทำให้โรงงานจะลักลอบขนหน้ากากอนามัยไปทางอื่นได้
พ.ท.เทพจิต กล่าวว่าในวันศุกร์ที่ 27 มีนาคมนี้ จะมีการเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมถึงภาคเอกชนมาร่วมประชุมสะท้อนปัญหา ระดมหาทางออกพร้อมหามาตรการที่เหมาะสมเสนอแนะไปยังรัฐบาลเพื่อเร่งบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนภายในประเทศต่อไป