นายกฯเรียกประชุมด่วนศูนย์โควิด-19 เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์หากการแพร่ระบาดเข้าสู่ระยะที่ 3 พร้อมจัดหาโรงพยาบาลเพื่อรักษาโดยเฉพาะ อีกทั้งขอประชาชนอย่าตื่นตระหนกกักตุนอาหาร
เมื่อวันที่ 15 มี.ค.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาลว่า มีการติดตามและหารือเตรียมความพร้อม หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยกระดับเข้าสู่ระยะที่ 3 ว่า จะต้องวางแผนรองรับสถานการณ์ด้านใดบ้าง เช่น ฝ่ายความมั่นคง จำเป็นจะต้องใช้กฎหมายใดเพิ่มเติมในการควบคุมสถานการณ์ ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศ ต้องเตรียมการรับคนไทยกลับ อย่างไรก็ตาม การจะพิจารณากฎหมายใดเพิ่มเติม ต้องดูผลกระทบให้รอบด้าน
ทั้งนี้ จะต้องพิจารณาทั้งในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เศรษฐกิจ และสุขภาพ โดยการยกระดับมาตรการนั้น จะรับฟังความคิดเห็นจากทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญที่ได้ร่วมมือกันทำงาน ขณะเดียวกันได้มอบแนวทางให้จัดเตรียมหาโรงพยาบาล เพื่อการรักษาโรคนี้โดยเฉพาะ โดยเปิดเป็นศูนย์เฉพาะกิจ หากสถานการณ์เข้าสู่ระยะที่ 3 อาจจะใช้โรงพยาบาลที่ก่อสร้างใหม่และยังไม่มีการเปิดใช้ ซึ่งรัฐบาลพร้อมสนับสนุนเครื่องมือทางการแพทย์ทุกด้านตามที่ร้องขอ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอร้องประชาชนอย่าตื่นตระหนก เร่งกักตุนอาหาร เพราะขณะนี้มีมาตรการออกมาตามลำดับ ทั้งเรื่องของการติดตามตัวโดยใช้แอปพลิเคชัน ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขเปิดให้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ฟรี ภายใน 72 ชั่วโมง หากพบว่า มีอาการ
นอกจากนี้ ได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบจำนวนหน้ากากอนามัยทั้งหมด ทั้งที่นำเข้าและส่งออกว่า มีจำนวนเพียงพอหรือไม่ ขณะเดียวกัน สั่งการให้เพิ่มสายการผลิตในโรงงานต่างๆ แต่ขอเวลาสักระยะในการบริหารจัดการ และประสานเรื่องวัตถุดิบที่นำมาผลิตหน้ากากอนามัยที่สั่งจากประเทศจีนอย่างใกล้ชิด ควบคู่กับการพัฒนาหน้ากากอนามัยทางเลือก ซึ่งประชาชนต้องเข้าใจว่าจะต้องจัดสรรหน้ากากอนามัยให้กับบุคลากรที่มีความเสี่ยงก่อน