.
โดย วัสยศ งามขำ
อีกหนึ่งคดีสะเทือนขวัญที่ตำรวจนครบาลคลี่คลายไว้ได้ คือการไขคดีไอ้โหดฆ่า 3 ศพ “ไอซ์หีบเหล็ก” นายอภิชัย หรือ ไอซ์ องค์วิศิษฐ์ อายุ 40 ปี ลูกชายเศรษฐีที่ดินในซอยเพชรเกษม 47 เขตบางแค กรุงเทพฯ คดีนี้นับเป็นงานโบว์แดงของตำรวจนครบาลที่เน้นในการสืบสวนขยายผลจากการจับกุมคดีเสพยาเสพติด จนนำไปสู่การขุดดินลุยขี้เลนดำน้ำจนทำให้รู้ว่า มีเหยื่อสาว ๆของไอซ์กลายเป็นศพด้วยน้ำมือของเขามากถึง 3 ศพ หรืออาจจะมีมากกว่านั้นก็เป็นได้ เพราะการสำรวจรอบบ้านของเขาที่บัดนี้กลายเป็นสุสานขนาด 20 ไร่ ยังไม่แล้วเสร็จสมบูรณ์
บ้านของ "ไอซ์ หีบเหล็ก" เป็นถึงทายาทอดีตเจ้าของตลาดแห่งหนึ่ง มีเนื้อที่มากกว่า 20 ไร่อยู่ท้ายซอยเพชรเกษม 47 เมื่อเข้าไปในอาณาเขตบ้านจะพบบ้านที่ไอซ์ อยู่อาศัยใกล้ ๆกันจะมีสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ อีก 5-6 หลัง ลึกเข้าไปจะมีบ่อน้ำภายในบ้านซึ่งมีลักษณะคล้ายตัว L เนื้อที่ไม่แน่ชัด แต่หากแยกเป็น 2 ฝั่ง น่าจะฝั่งละประมาณ 1 ไร่ โดยมีเขื่อนปูนกั้นที่ขอบดิน ความลึกประมาณ 1.5 เมตรและกลางบ่ออาจถึงมากกว่า 3 เมตร
จากพิกัดตามแผนที่บ้านหลังนี้ พบว่า บ่อน้ำหลังบ้านเป็นจุดที่พบโครงกระดูกมนุษย์ 288 ชิ้นในวันที่ 17 ม.ค.2563 ในขณะที่เมื่อวันที่ 16 ม.ค.2563 ใกล้จุดดังกล่าวพบเศษผมและกระดูกกรามติดฟันส่วนล่าง 8 ซี่ รวมถึงกระดูกซี่โครงมนุษย์ 28 ชิ้นที่ถูกมัดกับประตูเหล็กดัด โดยมีดัมเบลช่วยถ่วงน้ำหนัก ซึ่งคาดว่าเป็นศพวัยรุ่นหญิงอายุ 17-18 ปี แต่ยังไม่ชัดเจนว่ากระดูกที่พบ 2 วันที่ผ่านมากว่า 300 ชิ้นนี้เป็นคนเดียวกันหรือไม่ ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการตรวจพิสูจน์ ส่วนพื้นดินที่ล้ำเข้าไปในบ่อน้ำดังกล่าวพบว่า เป็นจุดที่ใช้ฝั่งร่างของ "น.ส.กุ๊กกิ๊ก" ที่ถูกนำร่างยัดหีบจนเสียชีวิต และถูกนำมาฝังดินเมื่อวันที่ 9 ม.ค.2563
ล่าสุดตำรวจนครบาลพบศพที่ 3 เมื่อวันที่ 23 ม.ค.2563 โดยพบหีบเหล็กคล้ายหีบบรรจุฟิล์มภาพยนตร์ ขนาดกว้างคูณยาว และสูงราว ๆ 60 ซม. ภายในบรรจุส่วนหัวกะโหลกศีรษะมนุษย์ กระดูกซี่โครง และกระดูกแขนขา มนุษย์กว่า 30 ชิ้น มีดัมเบลน้ำหนักประมาณ 8 กิโลกรัมล่ามด้วยโซ่คล้องแม่กุญแจ เสื้อยืดแขนสั้น กางเกงขาสั้น และ เชือกฟาง ปะปนกับขี้โคลนและเศษวัชพืช ด้านแพทย์นิติเวชและกองพิสูจน์หลักฐานระบุเบื้องต้นมีกระดูกในส่วนของกะโหลกศีรษะ ต้นขา สะโพก ของผู้เสียชีวิตที่คาดคะเนได้ว่า เป็นเพศหญิงรูปร่างเล็ก มีอายุมากกว่า ชิ้นส่วนกระดูกที่พบกระจัดกระจายในบ่อน้ำเดียวกันก่อนหน้านี้ ซึ่งเชื่อได้ว่าน่าจะมีผู้เสียชีวิตแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ราย สอดคล้องกับข้อมูลคนหายที่ทางตำรวจชุดคลี่คลายคดี นำมาเป็นธงในการสืบสวนสอบสวน
สำหรับ คดีนี้เริ่มต้นจากเมื่อปลายปี 2562 พ.ต.อ.จิรกฤต จารุนภัทร์ ผู้กำกับการกองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้จับตัว นายเฉลิมชล งะบัว อายุ 41 ปี อดีตลูกจ้างรักษาความปลอดภัยให้กับบ้านของไอซ์ พร้อมยาเสพติดจำนวนหนึ่ง แต่เมื่อสอบปากคำขยายผลถึงแก๊งยาเสพติดที่เขาร่วมเสพก็พบว่าไอซ์มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดด้วย
สำคัญกว่านั้น นายเฉลิมชล ยังซัดทอดด้วยปากสั่นเทาว่า เมื่อช่วงปลายปี 2562 เคยช่วยนายไอซ์เจ้าของบ้านฝังศพหญิงสาวหน้าตาดีรายหนึ่งเอาไว้ในที่ดินรกร้างด้านหลังบ้านที่ตัวเองเป็น รปภ.อยู่อีกด้วย
ต่อมาตำรวจนำโดย พ.ต.อ.จิรกฤต ได้นำข้อมูลจากปากคำของนายเฉลิมชล มาวิเคราะห์ความเป็นไปได้ว่า มีน้ำหนักมาน้อยแค่ไหน โดยตรวจสอบกับประวัติการแจ้งความคนหายในพื้นที่ และในพื้นที่ใกล้เคียงรวมทั้งสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องพบว่า ข้อมูลจากปากขี้ยามีความน่าเชื่อถือ เช้าวันที่ 9 ม.ค.2563 จึงขอหมายค้นจากศาลแขวงธนบุรี ก่อนจะนำกำลังตำรวจอาวุธครบมือ เข้าไปตรวจสอบบ้านเลขที่ 58 ถนนเพชรเกษม สุดซอย 47 ซึ่งเป็นบ้านของไอซ์
โดยขณะเข้าไปตำรวจต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากพบข้อมูลว่าไอซ์มีอาวุธปืนและอยู่ในสภาพเมายาจึงอาจเกิดการปะทะกันได้ แต่ก็ไร้การปะทะในวันนั้นได้จับกุมตัวนายไอซ์ พร้อมของกลางยาเสพติดและอาวุธปืน โดยเจ้าตัวอยู่ในสภาพเหมือนคนเมายา จึงควบคุมตัวไปสอบสวน
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวในชุดสืบสวนระบุว่า สาเหตุที่อดีต รปภ.ของบ้านไอซ์ยอมเปิดปากบอกตำรวจนั้น เนื่องจากภายหลังการถูกจับกุมตัว นายเฉลิมชล ซึ่งถือเป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่งของไอซ์ ได้พยายามขอความช่วยเหลือจากไอซ์ในเรื่องของคดี แต่ไอซ์กลับปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใย เนื่องจากก่อนหน้านี้ทั้งคู่ได้ทะเลาะกันจนทำให้ นายเฉลิมชล แยกตัวออกจากบ้านไอซ์ เมื่อถูกปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือ อดีตรปภ.คนนี้จึงซัดทอดทุกอย่างที่ไอซ์เคยทำไว้ ไม่ว่าจะเป็นการเสพยาเสพติด รวมไปถึงคดีอุจฉกรรณ์อย่างคดีฆาตกรรมด้วย โดยหวังว่าตัวเองจะถูกกันไว้เป็นพยานเพื่อปลักปลำอดีตเพื่อนสนิทในชั้นศาลโดยที่ตัวเองไม่ต้องรับโทษ
ทั้งนี้ ในวันที่จับกุมตัวไอซ์เจ้าหน้าที่อีกชุดได้นำกำลังไปขุดดินที่บริเวณป่ารกร้างที่อยู่ไม่ห่างจากตัวบ้านตามคำให้การของ นายเฉลิมชลว่า เป็นจุดผังศพ โดยตำรวจได้ใช้จอบและเสียมขุดหน้าดินลงไปประมาณ 1 เมตร พบถุงดำต้องสงสัย 1 ใบ ภายในบรรจุอวัยวะชิ้นส่วนคล้ายศพมนุษย์ สภาพเน่าเปื่อยถูกฝังอยู่ใต้หน้าดิน จากนั้นจึงให้ทางเจ้าหน้าพิสูจน์หลักฐาน และแพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช เข้ามาร่วมทำการตรวจสอบ โดยศพที่พบในครั้งนี้คาดว่า คือ น.ส.กุ๊กกิ๊ก ชาว จ.สกลนคร อายุประมาณ 22-25 ปี สาวไซด์ไลน์ที่ไอซ์เคยเรียกให้มาพบที่บ้านและเสพยาร่วมกัน
แนวทางการสืบสวนพบว่า ไอซ์มีความสัมพันธ์กับผู้ตายจนเกิดเป็นความรัก ประกอบกับทั้งคู่เสพยาเสพติดด้วยกันเป็นประจำ จึงย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันที่บ้านหลังนี้ โดยไอซ์มักมีพฤติกรรมรุนแรงชอบทำร้ายผู้ตายหากมีปากเสียง โดยก่อนเกิดเหตุครั้งนั้นไอซ์โมโหผู้ตายหลังรับประทานอาหารกัน จึงบังคับให้ผู้ตายเข้าไปอยู่ในหีบเหล็กเพื่อเป็นการทำโทษ จนสุดท้ายผู้ตายหมดลมหายใจในหีบกลายเป็นศพ ก่อนที่ไอซ์จะมาเปิดเจอและเรียกให้ นายเฉลิมชล มาช่วยฝังศพไว้ใกล้บ้านพักในที่ดินตนเองเพื่อเป็นการอำพราง และนี่นับเป็นจุดเริ่มต้นของการขุดหาศพอื่น ๆจนกระทั่งปัจจุบัน
ตำรวจระบุว่า ไอซ์ เคยถูกตำรวจ สน.ภาษีเจริญ บุกเข้าจับกุมตัวได้พร้อมของกลางอาวุธปืนและยาบ้า รวมถึงเสื้อเกราะกันกระสุนมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อเดือนเม.ย.2555 หลังจากมีผู้เสียหายแจ้งความกับตำรวจว่า ไอซ์ ก่อเหตุพรากผู้เยาว์และกักขังหน่วงเหนี่ยวหญิงสาวอายุเพียง 17 ปี โดยถูกจับกุมได้ที่สยามคอมเพล็กแมนชั่น ซอยเพชรเกษม 33/1 ครั้งนั้นไอซ์ต้องโทษจำคุกนาน 5 ปี และเพิ่งออกจากเรือนจำมาเมื่อปี 2560 กระทั่งมาก่อเหตุซ้ำอีก
อย่างไรก็ตาม เป็นที่รู้กันในย่านนั้นว่า ไอซ์เกิดในตระกูลเศรษฐีเก่าย่านบางแค เนื่องจากครอบครัวเคยมีธุรกิจตลาดชื่อดัง “ตลาดองค์วิศิษฐ์” แต่ปัจจุบันปิดตัวลงไปแล้ว เนื่องจากเมื่อปี 2526 นายเฉลิมชัย องค์วิศิษฐ์ ผู้เป็นบิดา ถูกตำรวจ สน.วัดพระยาไกร จับกุมดำเนินคดีข้อหาฆ่าหั่นศพ ด.ญ.นวลปราง บุนนาค เด็กหญิงลูกจ้างเพียงเพราะโกรธที่ผู้ตายเคาะกระจกตู้ปลาที่ตัวเองเลี้ยงเอาไว้ โดยขณะนั้นเจ้าหน้าที่พบร่างถูกชำแหล่ะอวัยวะชิ้นส่วนของผู้ตายทิ้งไว้ตามที่ต่างๆ ต่อมาเมื่อ นายเฉลิมชัย พ้นโทษก็ถูกยิงเสียชีวิต ส่วนภรรยาซึ่งเป็นมารดาของ นายอภิชัย หนีไปอยู่ต่างประเทศ ทิ้งไว้เพียงบ้านพักและสมบัติประเภทบ้านเช่า ห้องเช่า เป็นธุรกิจเอาไว้ให้ไอซ์ใช้เก็บค่าเช่า
สำหรับความคืบหน้าในทางคดีนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.เพชรเกษม กำลังรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆในสำนวนการสอบสวนและรอผลตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์และนิติเวช
พ.ต.อ.ศุภรัช ปานแดง ผู้กำกับการ สน.เพชรเกษม กล่าวว่า ได้มีการจัดตั้งคณะทำงานชุดพนักงานสอบสวน โดยมี พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ ผบก.น.9 เป็นหัวหน้าชุด โครงกระดูกที่ค้นพบรวมแล้ว 300 กว่าชิ้น จะต้องรอให้ทางนิติเวช รพ.ศิริราช ทำการตรวจสอบเพื่อยืนยันตัวบุคคล ว่าตรงกับใครที่แจ้งคนหายไว้หรือไม่ ในขณะเดียวกันยังไม่มีผู้ใดเข้ามาแจ้งความเรื่องคนหายเพิ่มเติม เนื่องจากบุคคลที่สูญหายและคาดว่าเคยมาบ้านนายไอซ์ อาจเป็นบุคคลจากที่อื่น
อย่างไรก็ตาม ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ได้กำชับให้ทำสำนวนอย่างรอบครอบ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม เนื่องจากคงยังต้องรอผลจากทางนิติเวช ซึ่งต้องใช้เวลา ส่วนเรื่องการค้นหาเหยื่อเพิ่มเติมต้องให้ทาง พ.ต.อ.จิรกฤต จารุนภัทร์ ผกก.กองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี เป็นผู้ประเมิน
ด้าน พ.ต.อ.จิรกฤต เปิดเผยว่า ด้านงานสืบสวนขณะนี้เจ้าหน้าที่ทำงานครบแล้วตามข้อมูลที่พบ หลังจากนี้จะต้องให้พนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบเป็นผู้รวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ ที่พบ เพื่อนำไปประกอบสำนวนคดี เพื่อแจ้งข้อกล่าวหา นายอภิชัย เพิ่มเติม อย่างไรก็ดีหากเจ้าหน้าที่พบข้อมูลหรือเบาะแสว่า จะมีการอำพรางศพอีก ทางเจ้าหน้าที่จะทำการวิเคราะห์ประเมินในเรื่องการค้นหาอีกครั้ง ยืนยันว่า ขณะนี้ค้นพบทั้งหมด 3 ศพ ส่วนเบื้องต้นผู้ต้องหาถูกแจ้งข้อหาในเรื่อง ครอบครองอาวุธปืน,ยาเสพติด,อำพรางศพ ไปแล้ว
นอกจากนี้ ทางเจ้าหน้าที่ยังจะเตรียมพิจารณาแจ้งข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา เพราะมีผู้ให้ข้อมูลว่า มีผู้ถูกนายไอซ์ ข่มขืนเมื่อธ.ค.ปี 2562 แต่ต้องรอผลพิสูจน์นิติวิทยาศาสตร์จากแพทย์มายืนยันอีกครั้ง ส่วนคดีฆาตกรรมกำลังจะแจ้งเร็วๆนี้รอรวมรวมหลักฐานให้แน่นหนาอีกครั้ง
“คดีนี้เป็นคดีที่ยากคดีหนึ่ง โดยเฉพาะศพแรกๆที่พบหาหลักฐานประกอบยากว่า เขาเป็นผู้ลงมือฆาตกรรม ในส่วนของศพแรกที่เจอนั้นเจ้าตัวก็ยังให้การปฏิเสธโดยอ้างว่า เหยื่อเสียชีวิตเองเพราะใช้ยาเสพติดเกินขนาด ซึ่งขัดกับคำให้การของพยานที่ยืนยันว่าไอซ์บังคับเหยื่อให้ลงไปในหีบแล้วปิดขังไว้จนขาดอากาศหายใจ ในส่วนนี้ถือว่า เล็งเห็นผลว่าเจตนาทำให้เสียชีวิต จึงจะสามารถแจ้งข้อหาฆาตกรรมได้ แต่ศพที่พบลำดับที่สองและสามนั้นยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทั้งสองศพเป็นใคร” พ.ต.อ.จิรกฤต กล่าว
พ.ต.อ.จิรกฤต บอกว่า คดีนี้สาวไปถึงตัวไอซ์ได้เป็นเพราะความใส่ใจของตำรวจที่ใส่ใจในคำซัดทอดของผู้ต้องหา หากปล่อยเลยไปเพราะคิดว่าเป็นคำพูดของขี้ยา ไอซ์ก็ยังคงลอยนวลท่ามกลางศพปริศนาจำนวนหลายศพ
“ผมและทีมสืบสวนใส่ใจทุกการข่าวที่เข้ามา แต่ก็ต้องกรองข่าวให้ดี คดีนี้ตำรวจตรวจสอบย้อนหลังแม้กระทั่งประวัติของพ่อไอซ์ และประวัติของไอซ์เองจบพบว่า ไอซ์มีแผนประทุษกรรมเดิมๆ มีผู้หญิงหลายคนที่ผมสอบเป็นพยานยืนยันว่าถูกไอซ์จับขังแต่หนีหลุดออกมา ซึ่งตรงกับแนวทางทางอาชญวิทยาที่คนร้ายมักจะกระทำความผิดซ้ำในแบบเดิมๆ ไอซ์ก็เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นการทำคดีจึงต้องรอบคอบและตรวจสอบคำให้การทุกครั้ง จึงจะพิชิตคดีที่ยากได้”พ.ต.อ.จิรกฤตกล่าว