“เรื่องร้ายกลับกลายเป็นดี มีเคราะห์ร้าย ก็มลายสิ้น” เป็นคำกล่าวถึงพุทธคุณของพระพิมพ์เศียรโล้นสะดุ้งกลับ ของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว
โดย อาจารย์ชวินทร์ chavintapoti@gmail.com
วันนี้มาชมพระพิมพ์เศียรโล้นสะดุ้งกลับ เนื้อดินกันครับ องค์นี้หลังอูมนูนคล้ายไข่ผ่าซีก มีรอยจารคมลึก ในแบบหลังอูมนูนลึกเช่นนี้มีบางคนเคยเอาเข้าเครื่องเอ็กซ์เรย์พบว่ามีโลหะคล้ายตะกรุดบรรจุอยู่ด้านในองค์พระด้วยครับ
ส่วนจุดพิจารณานั้นนอกจากภาพรวมของพิมพ์พระซึ่งมีความอ่อนช้อยและเนื้อแห้งเก่าแล้ว สิ่งที่ต้องดูต่อไปคือ
1.ฝุ่นขาวๆเล็กๆในองค์พระสำหรับพระเนื้อดินของหลวงปู่บุญ สอบถามจากผู้รู้ถือเป็นจุดจ่ายเงินครับ
2.บริเวณด้านล่างใต้ฐานจะมีเส้นบางๆปรากฎอยู่
ส่วนด้านหลังสำหรับองค์ที่มีจารสดแบบองค์นี้นั้น ยันต์ตัว “อะ”ที่จารสดจะลึกกว่ายันต์ตัวอื่น ที่ขอบยันต์จะมีรอยปลิ้นปรากฏอยู่
สำหรับเนื้อหามวลสารของพระพิมพ์นี้มีด้วยกัน 4 ชนิดคือ เนื้อดิน เนื้อผงผสมว่าน เนื้อยาจินดามณีและเนื้อยาจินดามณีจุ่มรัก ในจำนวนนี้เนื้อดินเผาจะมีจำนวนมากที่สุด บางองค์หลังเบี้ยอูมนูน บางองค์บาง มีทั้งจารอักขระด้านหลังและหลังเรียบ ส่วนเนื้อผงคลุกรัก เนื้อผงผสมว่าน และเนื้อผงยาจินดามณีนั้นมีจำนวนน้อยมาก
หลวงปู่บุญท่านสร้างพระเครื่องพิมพ์สะดุ้งกลับขึ้นมาทั้งหมด 3 พิมพ์ คือ พระพิมพ์เศียรโล้นสะดุ้งกลับ, พระพิมพ์นางพญาสะดุ้งกลับ และ พระพิมพ์ลีลากลับด้าน ใน 3 พิมพ์นี้ พระพิมพ์เศียรโล้นสะดุ้งกลับ ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักมากที่สุดและพบเห็นบ่อยกว่าอีกสองพิมพ์
มีการสันนิษฐานกันว่าพระพิมพ์เศียรโล้นสะดุ้งกลับนั้น น่าจะเป็นรูปเหมือน หลวงปู่บุญ เพราะสอดคล้องกับรูป หลวงปู่บุญ ที่ท่านถ่ายไว้ในลักษณะสะดุ้งกลับ ซึ่งเป็นรูปภาพบูชาที่นิยมกันในหมู่นักสะสมเช่นกัน
มีบันทึกถึงพุทธคุณของพระเศียรโล้นสะดุ้งกลับไว้โดยคุณสุธน ศรีหิรัญ ว่า” เมื่อครั้งที่หลวงปู่เพิ่มมีชีวิตอยู่ได้เคยเล่าให้ผู้เขียน(คุณสุธน )ฟังอยู่เสมอในเรื่องความสัมพันธ์ของพระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพยอาภา ที่เสด็จมาเยี่ยมหลวงปู่บุญ ในปีพ.ศ.2475 ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบบสมบูรญาณาสิทธิราชมาเป็นประชาธิปไตย โดยคณะราษฎร์ ขณะนั้นเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการปฏิวัติ
และได้มีการส่งคณะผู้แทนของคณะราษฎร์เดินทางไปเฝ้าพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งทรงแปรพระราชฐานประทับแรมอยู่ ณ พระที่นั่งไกลกังวล หัวหิน โดยออกเดินทางด้วยรถไฟขบวนพิเศษ ในขณะนั้น พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพยอาภา ทรงดำรงตำแหน่งเป็นข้าหลวงประจำเมืองนครปฐม
เมื่อทราบข่าวดังกล่าว ก็ทรงสั่งการให้นักเรียนนายร้อยตำรวจ ซึ่งในครั้งนั้นมีสถานที่ตั้งอยู่ที่ห้วยจระเข้ นครปฐม วางกำลังยับยั้งขบวนรถไฟพิเศษนี้ไว้ที่สถานีนครปฐม เมื่อขบวนรถไฟพิเศษแล่นถึงสถานีต้นสำโรง คณะผู้แทนได้ทราบว่ามีการวางกำลังอยู่ที่สถานีนครปฐม จึงได้เดินทางกลับไปยังกรุงเทพฯ แล้วเปลี่ยนการเดินทางไปทางทะเล โดยใช้เรือรบหลวงสุโขทัยเป็นพาหนะได้เข้าเฝ้าในหลวงได้สำเร็จและถวายเอกสารสำคัญให้ลงพระปรมาภิไธย
ครั้นเมื่อคณะราษฎร์ได้ยึดอำนาจสำเร็จเรียบร้อยแล้ว จึงได้สั่งการให้ข้าหลวงประจำจังหวัดนครปฐม เข้ามารายงานตัวในกรุงเทพฯ พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพยอาภา ทรงวิตกกังวลพระทัยเป็นอย่างยิ่ง เกรงว่าจะถูกประทุษกรรมนานาประการจึงได้รำลึกนึกถึงหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้วที่ทรงศรัทธาเลื่อมใสเสมอขณะที่อยู่ในเมืองนครปฐม
คิดจะไปขอบารมีกฤตยาคมของหลวงปู่เป็นที่พึ่ง จึงเดินทางในเวลาดึกสงัดของคืนนั้นโดยเรือเร็ว มาตามคลองเจดีย์บูชาแล้ว เลี้ยวขวาออกเม่น้ำนครชัยศรี ถึงวัดกลางบางแก้ว เข้านมัสการหลวงปู่บุญเล่าความหวั่นวิตกกังวลพระทัยให้หลวงปู่ทราบ เพื่อขอให้ชี้ทางแก้ไข
หลวงปู่จึงได้ทำสมาธิบริกรรมพระเวทย์ทำพิธีรดน้ำพระพุทธมนต์ถวายแล้วถวายพระเครื่อง ตลอดจนมงคลวัตถุให้แก่พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพยอาภาและประสาทพรว่า "ไม่ต้องวิตกกังวลใดๆ เรื่องที่ร้ายจะกลายเป็นดี"เล่ากันว่าพระเครื่องที่หลวงปู่ถวายในครั้งนั้นคือพระผงคลุกรักพิมพ์สะดุ้งกลับ อันเป็นสัญลักษณ์แห่งการกลับร้ายกลายเป็นดีนั้นเอง
หลวงปู่เพิ่มเล่าถึงการสร้างพระสะดุ้งกลับ (มารวิชัยกลับด้าน) ของหลวงปู่บุญนั้น การปลุกเสกจะใช้พระพุทธมนต์ถอยหลังกลับ การเดินลมปราณผ่านกระแสจิต ทำได้ยากกว่าการปลุกเสกธรรมดา และหากจิตไม่เข้มขลังแก่กล้าจะเป็นอันตรายในการปลุกเสกต่อผู้ปลุกเสกเอง
พระปางสะดุ้งกลับของหลวงปู่หลายพิมพ์ มิได้สร้างสะดุ้งกลับเพียงรูปแบบเฉพาะพิมพ์ทรงเท่านั้นหากแต่ท่านสร้างตามตำหรับแบบฉบับที่เป็นเฉพาะอิทธิวิธีที่ท่านมีอยู่ นับเป็นพระเครื่องที่มีกฤตยาคมลึกล้ำ ซึ่งหลวงปู่ได้สร้างขึ้นไว้
หลังจากพระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพยอาภา ได้รับน้ำพระพุทธมนต์ และพระเครื่องจากหลวงปู่บุญแล้วได้ลากลับไปด้วยความมั่นพระทัย เมื่อเดินทางไปกรุงเทพฯ หลังจากรายงานพระองค์แล้วได้รับการกักพระองค์ เพื่อสอบสวนจากคณะเปลี่ยนแปลงการปกครอง ในระยะเวลาหนึ่งจึงได้รับการปล่อยให้เป็นอิสระ เพียงไม่กี่วันจากนั้น รัฐบาลใหม่ก็สถาปนาพระองค์ขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ในรัชกาลที่ 8
หลังจากเพียงไม่กี่วันที่ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพยอาภา ได้เสด็จมาหาหลวงปู่บุญพร้อมถวายเครื่องสักการะหลายสิ่ง รวมทั้งโต๊ะหมู่บูชาประดับมุกลวดลายงดงามซึ่งมีอยู่ถึงทุกวันนี้ รวมทั้งได้อุปถัมภ์วัดกลางบางแก้ว และเสด็จมาเยี่ยมดูแลทุกข์สุขหลวงปู่เป็นเนืองนิจ ตราบจนหลวงปู่มรณภาพ