รมว.ศึกษาธิการประกาศดึงความร่วมมือนานาชาติ หนุนปฏิรูปการเรียนการสอน ส่งเสริมครูพัฒนาผู้เรียนไทย ต่างชาตปลื้มผลวิจัย OECD 3 ปีพบเด็กพัฒนาทักษะความคิดสร้างสรรค์ได้ไม่แพ้ใครในโลกด้วยฝีมือครูไทย ขณะที่ กสศ. และ สพฐ. เตรียมขยายผลเน้นความยั่งยืน
เมื่
อวันที่ 27 ก.ย.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ตนได้เข้าร่วมการประชุมนานาชาติเรื่องการขับเคลื่อนทักษะความคิดสร้างสรรค์และการคิดวิเคราะห์ในโรงเรียนตามคำเชิญอย่างเป็นทางการขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organization for Economic Co-operation and Development: OECD) และกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ซึ่งปฏิบัติหน้าที่หน่วยงานผู้ประสานงานโครงการประจำประเทศไทย ที่ National Endowment for Science, Technology and the Arts (NESTA) ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เมื่อเร็วๆนี้ โดยได้บรรยายในหัวข้อ “การปฏิรูประบบการศึกษาเพื่อการพัฒนานวัตกรรม” (Reforming Education System for Innovation) ร่วมกับ รมว.ศธ.ออสเตรเลีย และ รมว.ศธ.แคว้นเวลส์ สหราชอาณาจักร โดยมีผู้แทนรัฐบาล นักการศึกษาชั้นนำระดับโลก นักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบล สมาชิกวุฒิสภา ศิลปิน และผู้บริหารองค์กรการศึกษากว่า 200 คนจากทั่วโลกเข้าร่วมการประชุม
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายสนับสนุนการปฏิรูปการศึกษาไทยอย่างเต็มที่ทั้งระบบและในทุกระดับ ซึ่งตนมีความตั้งใจอย่างเต็มที่ที่จะสนับสนุนการทำงานของโครงการและแผนงานที่ดีและได้รับการสนับสนุนจากองค์การระหว่างประเทศอย่างโครงการพัฒนาทักษะความคิดสร้างสรรค์และการคิดวิเคราะห์ ที่ กสศ. สพฐ. และองค์การ OECD ร่วมดำเนินงานมา 3 ปีจนประสบความสำเร็จในวันนี้ โดยตนต้องการเห็นแผนการขยายผลการดำเนินงานในประเทศไทยในขั้นตอนต่อไปที่ยังคงรักษาคุณภาพการดำเนินงาน และสามารถขยายการดำเนินงานสู่ระดับชาติได้ในอนาคตอันใกล้นี้
นายณัฐพล กล่าวว่า ตนตั้งใจจะทำให้ทุกโรงเรียนในประเทศไทยมี Internet ความเร็วสูงทุกโรงเรียน และมิใช่เฉพาะห้องผู้บริหารในโรงเรียน แต่ต้องมีสัญญาณถึงทุกห้องเรียน ห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ และห้องสมุด เพื่อให้นักเรียนไทยทุกคน มีโอกาสที่เสมอภาคในการเข้าถึงองค์ความรู้และเทคโนโลยีที่ทันสมัยจากทั่วโลก รวมทั้งครูและผู้บริหารสถานศึกษาสามารถเข้าถึงเครื่องมือและแนวทางพัฒนากระบวนการจัดการเรียนการสอนและพัฒนาทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 และทักษะภาษาอังกฤษในสถานศึกษาของตนได้อย่างเต็มที่
“หากสถานศึกษาและครูต้องการการสนับสนุนการพัฒนากระบวนการจัดการเรียนการสอน และการพัฒนาผู้เรียนให้มีความพร้อมต่อการเข้าสู่ตลาดแรงงานในอนาคต อย่ากังวลเรื่องงบประมาณ หรือ เรื่องการหาวิทยากรที่มีความรู้ความสามารถ วันนี้ ศธ. และ กสศ. ได้มีความร่วมมือที่ชัดเจนและต่อเนื่องกับองค์การระหว่างประเทศชั้นนำของโลกอย่าง OECD แล้ว ในฐานะ รมว.ศธ. จะดึงเอาความร่วมมือทั้งจากหน่วยงานภายในและภายนอกประเทศเข้ามาช่วยสนับสนุนครูไทยที่ต้องการพัฒนาผู้เรียนสู่ศตวรรษที่ 21 อย่างเต็มที่ ไม่ต้องกังวลเรื่องงบประมาณ” นายณัฏฐพล กล่าว
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ศธ.จะตัดลดงบประมาณที่ไม่จำเป็นและไม่เกิดประโยชน์โดยตรงต่อผู้เรียนและการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียน มาสนับสนุนมาตรการดังกล่าวให้เกิดความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมและยั่งยืนภายในวาระการบริหารราชการกระทรวงของตนให้ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการบรรยายของ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศธ. ซึ่งได้รับการปรบมือชื่นชมจากผู้นำการศึกษาโลกกว่า 200 คนที่เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้อย่างคับคั่ง โดยมีผู้นำการศึกษาโลกจากหลายประเทศได้ลุกขึ้นแสดงความชื่นชมและความคิดเห็นแก่ รมว.ศธ. ไทยจากหลายท่าน เช่น Professor Barbara Schneider ผู้เชี่ยวชาญด้านการวัดประเมินผลนโยบายการศึกษาจาก Michigan State University และ Anne Fennell จาก San Diego Unified School District ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ชื่นชมในความมุ่งมั่นและความกล้าของ รมว.ศธ. ที่เลือกประเด็นการปฏิรูปการจัดสรรงบประมาณด้านการศึกษาด้วยการปรับลดงบประมาณในโครงการที่ไม่เกิดประโยชน์ต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนโดยตรง ไปสู่โครงการศักยภาพสูงที่ช่วยให้ครูพัฒนาผู้เรียนให้มีความพร้อมต่อการทำงานในอนาคตได้
ซึ่งถือเป็นเรื่องยากและซับซ้อนในหลายประเทศ Professor Zemira Mevarech จาก David Yellin Academic College of Education ประเทศอิสราเอล Dee Keane จาก Creativity, Culture and Education จากสหราชอาณาจักร ชื่นชมความมุ่งมั่นในการการปฏิรูปครูทั้งระบบของ รมว.ศธ. เพราะหลายประเทศรัฐมนตรีศึกษาเลือกที่จะละเลยการปฏิรูปเรื่องนี้เพราะเหตุผลทางการเมือง และ Ryan Gawn จาก LEGO Foundation ประเทศเดนมาร์ก กล่าวว่าการแสดงความมุ่งมั่นสนับสนุนการขยายผลโครงการส่งเสริมทักษะความคิดสร้างสรรค์และการคิดวิเคราะห์สู่การดำเนินงานระดับประเทศของ รมว.ศธ. นั้นแสดงให้เห็นวิสัยทัศน์และความจริงใจต่ออนาคตของเด็กเยาวชนในโลกศตวรรษที่ 21 อย่างชัดเจน โดยทุกคนต่างพร้อมให้การสนับสนุนการปฏิรูปการศึกษาของไทยอย่างเต็มที่ในอนาคต
นอกจากนั้น รมว.ศธ. ยังได้หารือระดับทวิภาคีกับ Mr.Andreas Schleicher, Director for the Directorate of Education and Skills ผู้แทนองค์การ OECD เรื่องแนวทางความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและองค์การ OECD ทั้งในโครงการพัฒนาทักษะความคิดสร้างสรรค์และการคิดวิเคราะห์ และโครงการอื่นๆ ในฐานะที่ประเทศไทยได้เข้าร่วมเป็น Associate Member ของ PISA Governing Board (PGB) กระทรวงศึกษาธิการในปีนี้ โดยมีผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) และ รองผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาเข้าร่วมหารือด้วย โดยผู้แทนองค์การ OECD ยินดีสนับสนุนนโยบายและการปฏิรูประบบการศึกษาของ รมว.ศธ. ไทยอย่างเต็มที่ โดยพร้อมจะให้ทีมงานของ OECD จัดทำรายงานวิเคราะห์เชิงลึกจากผลการสอบ PISA ประจำปี 2018 ที่มีกำหนดจะประกาศผลอย่างเป็นทางการในปลายปีนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการนำไปใช้สนับสนุนนโยบายปฏิรูปการศึกษาทั้งระบบของ รมว.ศธ. และรัฐบาลไทยในอนาคต
นอกจากนั้น ดร.ไกรยส ภัทราวาท รองผู้จัดการ กสศ. และ ดร.ณัฐา เพชรธนู ผอ.ศูนย์ PISA สำนักทดสอบทางการศึกษา สพฐ. ได้ร่วมกับผู้แทนจากประเทศฮังการี และแคว้นเวล์ส สหราชอาณาจักร นำเสนอผลการวิจัยพัฒนาและการประเมินทักษะความคิดสร้างสรรค์และการคิดวิเคราะห์ที่ได้ดำเนินการร่วมกับองค์การ OECD มาตลอด 3 ปี พบว่าครูไทยที่เข้าร่วมโครงการวิจัยจาก 110 โรงเรียนครอบคลุมนักเรียนกว่า 1,500 คน สามารถใช้เครื่องมือส่งเสริมความคิดฯ จากองค์การ OECD ได้ผลอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทักษะความคิดสร้างสรรค์แบบอเนกนัย (Divergent Thinking) ทั้งด้านคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ที่นักเรียนไทยได้แสดงพัฒนาการด้านความคิดสร้างสรรค์นี้ได้อย่างโดดเด่นในลำดับต้นๆ ของ 11 ประเทศที่เข้าร่วมโครงการตลอด 3 ปี ที่สำคัญครูในบางสถานศึกษาสังกัด สพฐ. สามารถพัฒนาทักษะความคิดสร้างสรรค์ให้แก่นักเรียนที่มีฐานะยากจนด้อยโอกาสจนมีพัฒนาการที่ดีไม่แพ้นักเรียนทั่วไป ผลการวิจัยนี้สอดคล้องกับผลการวิเคราะห์ผลการสอบ PISA เมื่อปี 2015 ของ กสศ. ว่าประเทศไทยมี “นักเรียนช้างเผือก”(Resilient Students) จำนวนมากที่ครอบครัวมีฐานะยากจน แต่ศักยภาพทางการศึกษาที่สูงไม่แพ้ใครในโลก
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ทาง สพฐ. และ กสศ. เตรียมแผนการขยายผลการดำเนินงานของโครงการตามนโยบายของ รมว.ศธ. พร้อมทั้งเชื่อมโยงการทำงานกับ สสวท. ไปในปีงบประมาณ 2563 ต่อไป โดยผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลรายละเอียด และรายงานผลการวิจัยที่เป็นทางการจากองค์การ OECD ได้ที่ research.eef.or.th