เงินทอนวัดพ่นพิษ 'พนม ศรศิลป์'ถูกปปช.ชี้มูลความผิดร่ำรวยผิดปกติเมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
เมื่อวันที่ 6 ส.ค. นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะ โฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่า นายพนม ศรศิลป์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับ การทุจริตในการเบิกจ่ายเงินงบประมาณอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์ที่จัดสรรให้วัดพนัญเชิงวรวิหาร ประจำปีงบประมาณ 2557 และปี 2558
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของนายพนมที่ได้ยื่นไว้ต่อ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่ง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2557 พบว่าในช่วงปี พ.ศ. 2552 - พ.ศ. 2561 นายพนม และนางนิสา ศรศิลป์ คู่สมรส มีการนำฝากเงินและซื้อหุ้นในสหกรณ์ออมทรัพย์ข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการ จำกัด สหกรณ์ออมทรัพย์ครู อุบลราชธานี จำกัด รวมทั้งมีการซื้อที่ดิน โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง และยานพาหนะเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม ป.ป.ช. จึงมีเหตุอันควรสงสัยว่า นายพนม มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ จึงได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน โดยมีนางสาวสุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวน ผลการไต่สวนข้อเท็จจริง ปรากฏว่าพบเงินฝากและทรัพย์สินต่างๆ ของนายพนม และบุคคลใกล้ชิด ประกอบด้วย นางนิสา ศรศิลป์ (ภรรยา) นางจรินรัตน์ แซ่ตั้ง และนางสมพิศ สุทธิบุญ (ภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส) รวมทั้งบุตรและ ญาติพี่น้อง ซึ่งบุคคลดังกล่าวไม่สามารถพิสูจน์ที่มาของทรัพย์สินดังกล่าวได้ ดังนี้
1. เงินฝาก จำนวน 16 แห่ง เป็นเงิน 163,022,595.05 บาท 2. เงินลงทุน จำนวน 8 แห่ง มูลค่า 22,470,000 บาท 3. ที่ดินตั้งอยู่ในท้องที่จ.อุดรธานี จำนวน 7 แปลง มูลค่า 5,119,400 บาท 4. บ้าน พร้อมที่ดิน 2 หลัง ตั้งอยู่ในจ.อุดรธานี และจ.นครปฐม 5. ห้องชุดตั้งอยู่ในจ.อุดรธานี 1 ห้อง และจ.ปทุมธานี 2 ห้อง รวม 3 ห้อง มูลค่า 3,960,000 บาท
6. รถยนต์ 9 คัน รวมมูลค่า 4,931,200 บาท 7. กรมธรรม์ประกันชีวิต 4 กรมธรรม์ รวมมูลค่า 828,489 บาท 8. เงินที่นำไปชำระหนี้เงินกู้สถาบันการเงิน 4 แห่ง เป็นเงิน 14,925,216.49 บาท รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งสิ้นจำนวน 216,062,819.54 บาท (คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีคำสั่งอายัด ทรัพย์สินไว้เป็นการชั่วคราว จำนวน 44,108,113.29 บาท) นายวรวิทย์ กล่าวว่า ป.ป.ช. ได้พิจารณาแล้วมีมติให้ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ให้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งเพื่อขอให้ทรัพย์สิน ดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน ตามมาตรา 122 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ต่อไป